การประท้วงต่อต้านกฎหมายพลเมืองฉบับใหม่ ยังคงเกิดขึ้นในหลายเมืองทั่วประเทศอินเดียเมื่อวานนี้ (19 ธันวาคม) รวมถึงกรุงนิวเดลี รัฐอุตตรประเทศ และรัฐกรณาฏกะ ซึ่งเป็นพื้นที่ถูกสั่งห้ามการชุมนุม โดยสถานการณ์เป็นไปอย่างตึงเครียด และมีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกอย่างน้อย 3 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตจากการประท้วงต่อเนื่องนานกว่า 2 สัปดาห์ เพิ่มเป็น 8 คน
หนึ่งในจุดที่สถานการณ์รุนแรงที่สุดคือเมืองบังกาลอร์ ในรัฐกรณาฏกะ ทางตอนใต้ ที่เกิดการปะทะระหว่างตำรวจกับกลุ่มผู้ประท้วง และตำรวจได้เปิดฉากยิงกระสุนจริงใส่ผู้ประท้วงราว 200 คนที่ออกมาเดินขบวน ส่งผลให้มีผู้ประท้วงชาย 2 คนเสียชีวิต ขณะที่ทางการได้ประกาศเคอร์ฟิวภายในเมือง ทำให้โรงเรียนและร้านค้าต่างปิดทำการ และมีการปิดระบบอินเทอร์เน็ตเป็นเวลา 48 ชั่วโมง
ส่วนที่เมืองลัคเนา ในรัฐอุตตรประเทศทางตอนเหนือ ก็มีเหตุปะทะระหว่างตำรวจกับกลุ่มผู้ประท้วง ที่ก่อความรุนแรงและเผาทำลายสิ่งของ รวมถึงเผารถยนต์และรถโดยสารประจำทางหลายคัน และมีรายงานชายวัยรุ่นคนหนึ่งถูกยิงบาดเจ็บสาหัสก่อนจะเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ซึ่งพ่อของชายดังกล่าวยืนยันว่าลูกชายถูกลูกหลงจากการปะทะขณะออกไปซื้อของที่ร้านขายของชำ
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า มีผู้ประท้วงถูกตำรวจจับกุมตัวในเมืองต่างๆ รวมแล้วหลายพันคนจากจำนวนผู้ประท้วงนับหมื่นที่ออกมาร่วมการชุมนุมทั่วประเทศวานนี้ (19 ธันวาคม)
ชนวนประท้วงรุนแรงครั้งนี้เกิดขึ้นจากการผ่านกฎหมายพลเมืองฉบับใหม่ของรัฐบาลอินเดีย ภายใต้การสนับสนุนของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี เนื้อหากฎหมายที่เป็นประเด็นขัดแย้ง คือการเปิดโอกาสให้สัญชาติแก่ผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายจาก 3 ประเทศมุสลิม ได้แก่ ปากีสถาน บังกลาเทศ และอัฟกานิสถาน แต่อนุญาตเฉพาะชนกลุ่มน้อยใน 6 ศาสนา ยกเว้นอิสลาม
ขณะที่โมดียืนยันเหตุผลในการผ่านกฎหมายว่า เพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้อพยพเหล่านี้จากการถูกกดขี่ทางศาสนา ซึ่งก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์จากฝ่ายที่คัดค้าน ว่าอาจเป็นการทำลายรัฐธรรมนูญอินเดีย และมองว่าศรัทธาไม่ควรเป็นรากฐานของพลเมือง
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: