เวียดนามกำลังมุ่งหมายที่จะแย่งชิงตำแหน่งจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวระหว่างประเทศอันดับหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากประเทศไทย และนักท่องเที่ยวชาวอินเดียอาจเป็น ‘กุญแจสำคัญ’ ที่จะช่วยให้เวียดนามบรรลุเป้าหมายนี้ได้ ท่ามกลางสนามแข่งท่องเที่ยวในภูมิภาคที่กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าอย่างรวดเร็ว
ไทยยังคงครองแชมป์จำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุดในภูมิภาคด้วยยอดผู้มาเยือน 35.5 ล้านคนในปี 2024 แต่เวียดนามกลับเป็นตลาดที่เติบโตเร็วที่สุด ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยว 17.5 ล้านคนในปีที่แล้ว ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 40% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ที่สำคัญเวียดนามยังได้ตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยว 23 ล้านคนในปี 2025 ซึ่งจะเพิ่มขึ้น 28% เมื่อเทียบกับจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2019 และจะเติบโตขึ้น 31% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
ครั้งหนึ่งไทยเคยเป็นจุดหมายปลายทางต่างประเทศยอดนิยมอันดับหนึ่งของจีน แต่ตอนนี้ตำแหน่งนั้นตกเป็นของญี่ปุ่นแล้ว ในขณะที่การท่องเที่ยวขาออกโดยรวมของจีนยังฟื้นตัวได้เพียง 80% ของระดับสูงสุดในปี 2019 และเศรษฐกิจจีนเองก็กำลังชะลอตัวลง ตลาดใหม่กำลังผงาดขึ้นมาเติมเต็มช่องว่าง
ตลาดใหม่กำลังผงาดขึ้นมาเติมเต็มช่องว่าง คือ อินเดีย ซึ่งจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศขาออกได้พุ่งสูงถึง 110% ของระดับปี 2019 แล้ว
การเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวอินเดียในเวียดนามเป็นปรากฏการณ์ที่น่าจับตามอง เส้นทางบินตรงใหม่ๆ ที่เปิดตั้งแต่ปี 2022 กระตุ้นให้จำนวนนักท่องเที่ยวอินเดียพุ่งสูงถึง 363% ในปี 2024 เมื่อเทียบกับปี 2019 ในขณะที่นักท่องเที่ยวจีนในเวียดนามมีเพียง 65% ของระดับปี 2019
สำหรับไทย กระแสนักท่องเที่ยวอินเดียคือลมหายใจใหม่ที่ช่วยบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการหดตัวของตลาดจีน ซึ่งในปี 2019 เคยคิดเป็น 28% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด แต่ในปี 2024 ลดลงเหลือเพียง 18.9% ปัจจุบันจำนวนเที่ยวบินระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่กับไทยยังต่ำกว่าปี 2019 ถึง 35% ส่งสัญญาณว่าตลาดจีนคงไม่ฟื้นตัวเร็วในเร็วๆ นี้
ไทยและมาเลเซียได้ยกเว้นวีซ่าสำหรับนักท่องเที่ยวอินเดียหลังการระบาดใหญ่ และพบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจากอินเดียเพิ่มขึ้นจากปี 2019 ถึง 7% และ 54% ตามลำดับ กรุงเทพฯ ยังได้แซงดูไบขึ้นเป็นจุดหมายปลายทางเมืองยอดนิยมสำหรับนักเดินทางชาวอินเดียอีกด้วย
คาดว่าชาวอินเดียจะใช้จ่ายประมาณ 1.2 แสนล้านดอลลาร์ (ประมาณ 4.1 ล้านล้านบาท) ต่อปีในการท่องเที่ยวต่างประเทศภายในปี 2035 ตามรายงานของ Capital Economics ซึ่งจะทำให้พวกเขาเป็นผู้ใช้จ่ายรายใหญ่อันดับสี่ของโลก รองจากสหรัฐฯ จีน และเยอรมนี
พฤติกรรมการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวอินเดียและจีนก็แตกต่างกันอย่างชัดเจน ข้อมูลจาก Mastercard ชี้ว่านักท่องเที่ยวจีนทุ่มเงิน 9.5% ของค่าใช้จ่ายไปกับประสบการณ์และความบันเทิงยามค่ำคืน ขณะที่ชาวอินเดียชอบช้อปปิ้งมากกว่า
สำหรับผู้เดินทางครั้งแรกจากอินเดีย ความสะดวก ความปลอดภัย และความละเอียดอ่อนทางวัฒนธรรมเป็นหัวใจสำคัญ ชาวอินเดียจำนวนมากมีข้อจำกัดเรื่องอาหาร เช่น ทานมังสวิรัติ และมักตัดสินใจเลือกจุดหมายปลายทางจากความพร้อมของร้านอาหารที่ตอบโจทย์ก่อนเป็นอันดับแรก เวียดนามจึงเร่งปรับตัวครั้งใหญ่เพื่อรองรับกระแสนี้
การแข่งขันที่ร้อนแรงระหว่างประเทศในภูมิภาคเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวอินเดียกำลังปฏิวัติการบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกในแหล่งท่องเที่ยว
ตัวอักษรภาษาฮินดีกำลังปรากฏมากขึ้นเคียงข้างภาษาจีนในเมนูร้านอาหารและป้ายตามสถานที่ท่องเที่ยว ขณะที่ทั้งไทยและเวียดนามต่างเดิมพันสูงในการแย่งชิงส่วนแบ่งจากตลาดที่ร้อนแรงที่สุดในเอเชียขณะนี้
อ้างอิง:
