ยังคงความเนื้อหอมและความสนใจจากหลายประเทศทั่วโลกได้อย่างต่อเนื่องสำหรับ Tesla ค่ายผู้ผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าและเทคโนโลยีแบตเตอรี่ เมื่อ นิติน กัดคารี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของประเทศอินเดีย ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Reuters ว่า พวกเขาพร้อมจะยื่นข้อเสนอ สัมปทานตอบแทนให้กับ Tesla อย่างเต็มที่ หากค่ายรถไฟฟ้ารายนี้เลือกที่จะเข้ามาตั้งถิ่นฐานผลิตรถ EV ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ไม่ใช่แค่การประกอบตัวรถทั่วๆ ไป
ทั้งยังบอกอีกด้วยว่า ข้อเสนอที่ทางอินเดียพร้อมจะหยิบยื่นให้กับ Tesla นั้น จะเป็นข้อเสนอที่ดีกว่าที่ประเทศจีนซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของ Tesla Giga Shanghai มอบให้กับพวกเขาแน่นอน
“นอกเหนือจากการประกอบตัวรถในอินเดีย Tesla ควรจะเริ่มต้นกระบวนการผลิตทั้งหมดทุกขั้นตอนในประเทศของเราด้วยการจ้างผู้ขาย เวนเดอร์ท้องถิ่น เช่นนั้นแล้วพวกเราก็สามารถมอบสัมปทานที่มีข้อเสนอที่ดีกว่าให้พวกเขาได้
“รัฐบาลของพวกเราจะทำให้แน่ใจว่า ต้นทุนการผลิตของ Tesla จะถูกที่สุดในโลก เมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ หรือแม้กระทั่งจีน เมื่อพวกเขาเริ่มกระบวนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า Tesla เราขอรับรองว่ามันจะต้องเกิดขึ้น”
ก่อนหน้านี้ อีลอน มัสก์ ได้ออกมาเปิดเผยว่า เขาได้เลือกอินเดียเป็นประเทศที่สำคัญของพวกเขาในการรุกเข้ามาทำตลาดอย่างจริงจัง ทั้งการนำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า Tesla Model 3 ท่ามกลางการคาดการณ์ของหลายฝ่ายว่าอินเดียอาจจะกลายเป็นฐานการผลิตแห่งใหม่นอกสหรัฐฯ ของพวกเขานอกเหนือจากจีนและเยอรมนีด้วย (ปัจจุบัน Reuters ระบุว่า Tesla ยังคงไม่ให้คำตอบที่ชัดเจนกับอินเดียถึงแผนการเข้าลงทุนในประเทศ)
โดยที่ปัจจุบัน อินเดียมีความพยายามที่จะกระตุ้นตลาดและอุตสาหกรรม EV ให้เกิดขึ้นในประเทศอย่างจริงจัง สืบเนื่องจากปัญหามลพิษสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในประเทศ และความต้องการช่วงชิงตำแหน่งผู้นำของการแข่งขันใมสมรภูมิรถยนต์ไฟฟ้านี้ แต่หากเทียบกับจีนแล้ว พญามังกรจากเอเชียรายนี้ดูจะมีแต้มต่อที่เหนือกว่าพวกเขาอยู่พอสมควร
ทั้งซัพพลายเชนด้านรถ EV ที่จีนมีความแข็งแกร่งกว่า ต้นทุนการผลิตที่ทำได้ถูก รวมถึงการสร้างความมั่นใจให้กับมัสก์ได้เห็นถึงศักยภาพที่ Tesla Giga Shanghai มีส่วนสำคัญในการช่วยพลิกสถานการณ์ให้ Tesla กลับมาทำกำไรได้อีกครั้ง
นอกจากนี้ ภาพรวมอุตสาหกรรมรถไฟฟ้าในจีนก็เป็นตลาดที่มีการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด โดยในปีที่ผ่านมา รถยนต์กลุ่มพลังงานทางเลือกทั้งรถไฟฟ้าและปลั๊กอินไฮบริดในจีนสามารถจำหน่ายได้มากกว่า 1.36 ล้านคัน แม้จะคิดเป็นสัดส่วนราว 5.37% จากจำนวนรถยนต์ที่ขายได้ในประเทศจีนตลอดทั้งปีที่ผ่านมา แต่ก็มีอัตราการเติบโตของยอดขายเมื่อเทียบจากปีก่อนหน้าโดดเด่นมากถึง 11%
ขณะที่อินเดียสามารถจำหน่ายรถไฟฟ้าได้เพียง 5,000 คันเท่านั้น เมื่อเทียบกับรถมากกว่า 2.4 ล้านคันที่ขายในประเทศ คิดเป็นแค่สัดส่วน 0.2% สืบเนื่องจากอุปสรรคด้านราคาที่สูง โครงสร้างขั้นพื้นฐานของสถานีชาร์จ ซึ่งคงต้องติดตามกันว่า ข้อเสนอของอินเดียและกัดคารีจะมัดใจมัสก์ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะหากประเทศของพวกเขากลายเป็นฐานการผลิตอีกแห่งในเอเชียของซีอีโอ Tesla ได้จริง อินเดียก็จะมีศักยภาพในการแข่งขันในอุตสาหกรรม EV และมีโนฮาวที่เพียบพร้อมรอบด้านแน่นอน
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง:
- https://www.reuters.com/article/us-india-tesla-minister-exclusive/exclusive-india-woos-tesla-with-offer-of-cheaper-production-costs-than-china-idUSKBN2AU1AY
- https://www.foxbusiness.com/lifestyle/india-luring-tesla-incentives
- https://www.ndtv.com/india-news/india-may-offer-tesla-incentives-for-cheaper-production-costs-than-china-2382093
โอกาสของเศรษฐกิจโลกอยู่ตรงไหน ไทยตกขบวนการฟื้นตัวหรือไม่? บิตคอยน์คือ สินทรัพย์ทางเลือก หรือฟองสบู่ที่รอวันแตก? เราควรปรับพอร์ตอย่างไรเพื่อเติบโตท่ามกลางความตกต่ำ
ร่วมกันค้นหาคำตอบใน THE STANDARD WEALTH FORUM: Catch the Next Curve
สิทธิพิเศษ! ลงทะเบียนรับรหัสจำนวนจำกัด เพื่อเข้าชมถ่ายทอดสดได้ที่ thestandard.co/events