แหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่อาวุโสระดับสูงรายหนึ่งของรัฐบาลอินเดีย ระบุว่ารัฐบาลอินเดียเตรียมจะเสนอมาตรการสั่งแบนคริปโตเคอร์เรนซี และจะจัดบทลงโทษด้วยการสั่งปรับคนในประเทศที่ละเมิดกฎหมายดังกล่าว
รายงานระบุว่าคำสั่งแบนและบทลงโทษห้ามใช้สกุลเงินดิจิทัลนี้ครอบคลุมทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขาย ถือครอง และการขุด โดยแหล่งข่าวอาวุโสรายนี้ระบุอีกว่ากฎหมายดังกล่าวจะให้เวลาผ่อนผันบทลงโทษ 6 เดือน ซึ่งจะบังคับให้ชาวอินเดียต้องเทขายเหรียญคริปโตของตนทั้งหมดภายในช่วงเวลาดังกล่าว
มาตรการแบนพร้อมบทลงโทษครั้งนี้สอดคล้องกับท่าทีของรัฐบาลอินเดียที่เคยกล่าวออกมาก่อนหน้านี้ว่าจะจัดการแบนคริปโตทั้งหลาย เช่น บิตคอยน์ ควบคู่ไปกับการเดินหน้าสร้างกรอบการทำงานเพื่อจัดทำสกุลเงินดิจิทัลกลางของประเทศ
แต่อย่างไรก็ตาม นักลงทุนและกลุ่มผู้สนับสนุนคริปโตในอินเดียก็ผ่อนคลายมากขึ้น เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังออกมาแสดงท่าทีผ่อนผันด้วยการระบุว่าอินเดียไม่ได้ปิดกั้นเทคโนโลยีใหม่ๆ และกำลังมองหาวิธีการทดลองที่มีโอกาสเกิดขึ้นจริงในโลกดิจิทัลในสกุลเงินดิจิทัลและอื่นๆ สร้างความหวังให้กับธุรกิจคริปโตของอินเดียในช่วงเวลาสั้นๆ แม้ว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังจะไม่ได้ให้รายละเอียดว่าจะมีการทดลองประเภทใดบ้างที่จะได้รับอนุญาต
ทั้งนี้ แหล่งข่าวระบุชัดว่ามีความเป็นไปได้อย่างมากที่รัฐบาลของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี แห่งอินเดีย จะอนุมัติรับรองคำสั่งแบนให้เป็นกฎหมายออกมาใช้ ทำให้อินเดียกลายเป็นประเทศเศรษฐกิจชั้นนำของโลกประเทศแรกที่มีกฎหมายระบุให้สกุลเงินดิจิทัลเป็นสกุลเงินที่ผิดกฎหมายชาติแรกของโลก เพราะแม้แต่จีน ที่มีคำสั่งแบนการขุดและการซื้อขายก็ยังไม่มีบทลงโทษต่อผู้ที่มีคริปโตเคอร์เรนซีไว้ในครอบครอง
นอกเหนือจากคำสั่งบทลงโทษด้วยการจ่ายค่าปรับแล้ว แหล่งข่าวปฏิเสธที่จะกล่าวว่าคำสั่งลงโทษนี้จะมีคำสั่งจำคุกร่วมด้วยหรือไม่ โดยระบุแต่เพียงว่ารัฐบาลกำลังอยู่ในระหว่างการตัดสินใจขั้นสุดท้าย กระนั้นก่อนหน้านี้ในปี 2019 รัฐบาลเคยเสนอบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปีต่อคนที่ขุด ขาย ครอบครอง ซื้อขาย ถ่ายโอน ก่อตั้ง หรือข้องแวะเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลทั้งทางตรงและทางอ้อม
รายงานข่าวดังกล่าวมีขึ้นในช่วงเวลาที่สกุลเงินคริปโตยอดนิยมอย่างบิตคอยน์เพิ่งจะทำสถิติสูงสุดระลอกใหม่มากกว่า 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่มีการประเมินว่าปริมาณธุรกรรมของการลงทุนของนักลงทุนกว่า 8 ล้านคนในอินเดียมีคริปโตเคอร์เรนซีในความครอบครองกว่า 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: