อินเดียออกคำสั่งห้ามส่งออกข้าว โดยให้มีผลทันทีเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (20 กรกฎาคม) ยกเว้นข้าวขาวบาสมาติ ที่ยังอนุญาตให้ส่งออกได้อยู่ นับเป็นความพยายามล่าสุดของรัฐบาลอินเดียในการควบคุมราคาข้าวในประเทศ
รัฐบาลอินเดียยังระบุว่า คำสั่งห้ามดังกล่าวจะช่วยทำให้ชาวอินเดียมั่นใจได้ว่า ข้าวขาว (ที่ไม่ใช่ข้าวบาสมาติ) ในอินเดียจะมี ‘เพียงพอ’ รวมถึงอาจช่วยชะลอการเพิ่มขึ้นของราคาข้าวในตลาดภายในประเทศ
ทั้งนี้ อินเดียถือเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกรองจากจีน โดยคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 40% ของการค้าข้าวทั่วโลก
โดยข้าวขาวที่ไม่ใช่ข้าวบาสมาติ คิดเป็นประมาณ 25% ของการส่งออกข้าวของอินเดีย
ไทย-เวียดนาม เตรียมรับอานิสงส์
Eve Barre นักเศรษฐศาสตร์อาเซียนจาก Coface บริษัทประกันและสินเชื่อด้านการค้า กล่าวว่า อุปทานข้าวทั่วโลกจะตึงตัวอย่างมาก เนื่องจากอินเดียเป็นผู้ผลิตข้าวอันดับ 2 ของโลก โดยบังกลาเทศและเนปาลน่าจะได้รับผลกระทบหนักที่สุดจากคำสั่งห้ามครั้งนี้ เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศนี้เป็นจุดหมายปลายทางการส่งออกอันดับต้นๆ
บริษัทวิเคราะห์ด้านการเกษตรจากบริษัท Gro Intelligence ระบุว่า คำสั่งห้ามส่งข้าวของอินเดียอาจทำให้ความไม่มั่นคงด้านอาหารของประเทศต่างๆ ที่พึ่งพาข้าวอย่างมากทวีความรุนแรงขึ้น
“จุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับข้าวอินเดีย ได้แก่ บังกลาเทศ จีน เบนิน และเนปาล ขณะที่ประเทศในแอฟริกาอื่นๆ ก็นำเข้าข้าวอินเดียจำนวนมากเช่นกัน” นักวิเคราะห์ของ Gro Intelligence ระบุ
Radhika Rao นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของธนาคาร DBS กล่าวอีกว่า ประเทศนำเข้าข้าวที่ได้รับผลกระทบอาจหันไปหาซัพพลายเออร์ทางเลือกอื่นในภูมิภาค เช่น ไทยและเวียดนาม
จับตาราคาข้าวทั่วโลกทะยานต่อ?
Barre จาก Coface กล่าวว่า “นอกเหนือจากการหดตัวของอุปทานข้าวทั่วโลกแล้ว ปฏิกิริยาตื่นตระหนกและการเก็งกำไรในตลาดข้าวทั่วโลกจะทำให้ราคาข้าวสูงขึ้น”
ปัจจุบันราคาข้าวได้พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบทศวรรษอยู่แล้ว ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัญหาขาดแคลนข้าว ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของราคาธัญพืชหลักอื่นๆ หลังจากการรุกรานยูเครนของรัสเซีย เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2565
โดยราคาข้าวสาลีได้พุ่งขึ้นในสัปดาห์นี้ หลังจากรัสเซียถอนตัวจากข้อตกลงซื้อขายธัญพืชในทะเลดำ ข้อตกลงดังกล่าวพยายามที่จะป้องกันวิกฤตอาหารทั่วโลก โดยอนุญาตให้ยูเครนดำเนินการส่งออกต่อไป
“อัตราเงินเฟ้อข้าว (Rice Inflation) เร่งตัวขึ้นแล้วจากเฉลี่ย 6% ในปีที่แล้ว เป็นเกือบ 12% ในเดือนมิถุนายนปีนี้” Rao ของ DBS กล่าว
ปัจจุบันอินเดียกำลังรับมือกับราคาผัก ผลไม้ และธัญพืชที่สูง โดยราคามะเขือเทศในอินเดียพุ่งขึ้นมากกว่า 300% ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย
จากการสำรวจของ Reuters คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อของอินเดียน่าจะสูงถึง 4.58% เมื่อเทียบเป็นรายปี โดยสาเหตุสำคัญมาจากราคาอาหารที่พุ่งสูงขึ้น