วันนี้ (15 ตุลาคม) ที่กระทรวงการต่างประเทศ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานในการประชุมเพื่อเตรียมการอพยพคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอล โดยมี ปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ, พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน, สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม, สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, จักรพงษ์ แสงมณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมการประชุม
เศรษฐากล่าวเริ่มต้นการประชุมว่า ขอขอบคุณทุกคนที่มาประชุมในวันหยุด เนื่องจากเป็นภารกิจด่วนที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด นับว่าเป็นความร่วมมือเป็นอย่างดีของหลายหน่วยงาน และขอบคุณกองทัพไทยและสายการบินเอกชน ทั้งสายการบินนกแอร์ สายการบินแอร์เอเชีย และสายการบินไทย รวมถึงหลายคนที่ไม่ได้กล่าวถึง ที่เห็นความสำคัญของเรื่องนี้และความสำคัญของประชาชน
เศรษฐาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงผลการประชุมว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 4 ราย รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุดกับการลำเลียงคนไทยออกมาจากอิสราเอลให้มากที่สุด เพิ่มสายการบินของทหารอากาศและสายการบินพาณิชย์รวม 32 สายการบิน แต่ไม่เพียงพอกับคนไทยที่ต้องการกลับ 7,000 กว่าคน จึงกังวลว่าการลำเลียงคนออกมามีปัญหา เพราะการต่อสู้ยังไม่สิ้นสุดและรุนแรงขึ้น อิสราเอลเตรียมโจมตีทางบกทำให้การลำเลียงคนทางบกและเรือถูกปิด ต้องพึ่งทางอากาศเท่านั้น และเครื่องบินไม่เพียงพอสำหรับการนำคนไทยออกมา จึงกังวลในเรื่องนี้ อีกทั้งการลำเลียงคนไทยออกมามี 2 ทาง คือ บินตรงจากอิสราเอล-กรุงเทพฯ และบินไปดูไบ
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงตัวประกัน 17 คนที่ไม่สามารถติดต่อได้นั้น รัฐบาลใช้ทุกช่องทางในการติดต่อ ทั้งเรื่องการทูต สำนักข่าวกรองระดับประเทศ การทหาร และช่องทางภาคประชาคมที่มีเครือข่ายในประเทศต่างๆ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศก็ได้พูดคุยทั้งฝ่ายปาเลสไตน์และอิสราเอลเพื่อที่จะขอให้คนไทยออกมาอย่างปลอดภัยเร็วที่สุด
“ความคืบหน้ายังไม่มีเพิ่มเติม สถานการณ์ยังไม่น่าพอใจ แต่ทุกกระทรวงและกองทัพไทยพยายามหาช่องทางเพิ่มเที่ยวบิน จะต้องเอาคนไทยกลับมาให้ทันสิ้นเดือนนี้”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ตัวประกันที่โดนจับ 17 คนยังไม่ได้รับคำตอบว่าจะถูกปล่อยตัวใช่หรือไม่ เศรษฐากล่าวว่า ยังไม่ได้รับคำตอบว่าจะปล่อยตัว รองนายกฯ ก็พยายามที่จะพูดคุยกับฝ่ายต่างประเทศ รวมทั้งแรงงานไทยในพื้นที่เสี่ยง ก็ไม่สามารถติดต่อได้ เพราะมีการใช้เครือข่ายเยอะ รัฐบาลเห็นใจครอบครัวแรงงาน แต่เรายอมรับว่าติดต่อไม่ได้ และยังไม่มีข่าวร้ายออกมา ถือว่ายังมีความหวัง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์ตอนนี้ยังไม่น่าไว้วางใจใช่หรือไม่ นายกฯ ย้ำว่า ยังไม่น่าไว้วางใจ ยังไม่ดี ส่วนอุปสรรคในตอนนี้คือเรื่องนำคนไทยออกจากพื้นที่เสี่ยงไปอยู่ศูนย์พักพิง และเดินทางไปสนามบิน พร้อมออกเดินทางได้ทันที ข้อที่สองคือ ในที่ประชุมมีการเสนอให้เช่าเครื่องบิน Airbus 340 เพิ่มเติม
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า แรงงานไทยคือเป้าหมายของกลุ่มฮามาสใช่หรือไม่ ประเทศไทยจะเพิ่มข้อเรียกร้องอะไรหรือไม่ เพราะมียอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น เศรษฐาเผยว่า ไม่เปลี่ยนแปลงอะไร เพราะไทยไม่ใช่ส่วนหนึ่งในความขัดแย้งของสองประเทศ แต่คนไทยเสียชีวิตระดับต้นๆ เพราะมีแรงงานไทยเยอะ ฮามาสไม่ได้เจาะจงที่จะทำร้ายคนไทย
“ไทยไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในความขัดแย้ง จุดมุ่งหมายของเราต้องนำคนไทยที่เป็นตัวประกันออกมาให้เร็วที่สุด ยืนยันว่าเราไม่ใช่เป้าหมายของกลุ่มฮามาส”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะไปรับแรงงานหรือไม่ นายกฯ เผยว่า พรุ่งนี้ (16 ตุลาคม) ตนต้องเดินทางไปต่างประเทศ ขอทำงานเบื้องหลัง มีหลายคนไปรับแล้ว แบ่งไปทำหน้าที่
ทั้งนี้ การประชุมในวันนี้รายงานจำนวนคนไทยที่ได้ผลกระทบในอิสราเอล มีผู้เสียชีวิต 28 คน ผู้บาดเจ็บ 16 คน และผู้ที่ถูกจับไปเป็นตัวประกัน 17 คน