วันนี้ (1 พฤศจิกายน) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงปฏิบัติการป่าช้าแตกจังหวัดเชียงใหม่ ที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองบูรณาการฝ่ายปกครองจังหวัดเชียงใหม่ สนธิกำลังจับกุมสถานบริการแห่งหนึ่งในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมาว่า ไม่รู้ว่าใครตั้งชื่อปฏิบัติการ ซึ่งตนไม่ได้ตั้ง แต่เชื่อว่าเกิดในวันฮาโลวีน โดยได้ย้ำไปแล้วว่าสามารถเปิดสถานบริการได้ แต่ขอให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย ซึ่งพบการกระทำความผิดของผู้ประกอบการรายนี้ 7 ข้อกล่าวหา คือ
- ตั้งสถานบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต
- จำหน่ายสุราให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี
- จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี
- จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เกินกว่าเวลาที่กฎหมายกำหนด
- ยุยงส่งเสริมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร
- โฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือแสดงชื่อ หรือเครื่องหมายของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อันเป็นการอวดอ้างสรรพคุณ หรือชักจูงใจให้ผู้อื่นดื่มโดยตรงหรือโดยอ้อม
- ดัดแปลงอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานท้องถิ่น
อนุทินกล่าวว่า ตนมองว่าแค่เจอข้อกล่าวหาแรกคือการเปิดผับโดยไม่ได้รับใบอนุญาตก็ไม่ต้องไปดูข้ออื่นแล้ว โชคดีที่ไม่เจอยาเสพติด เพราะอาจจะรู้ข่าวก่อน ยาเสพติดก็เลยไม่เข้า ซึ่งหากผู้ประกอบการทำถูกกฎหมายก็ไม่ต้องกังวลว่าจะปิดกี่โมง และยืนยันว่าสิ่งที่กรมการปกครองเข้าไปดำเนินการคือการต้องการจัดระเบียบสังคม และนโยบายของกระทรวงมหาดไทยคือต้องการส่งเสริมนักท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ไม่ใช่สนับสนุนให้เด็กและเยาวชนเข้าไปใช้บริการอย่างผิดกฎหมาย อย่างเช่น รายนี้ก่อตั้ง 100 กว่าคน เที่ยงคืน-ตีหนึ่งก็ต้องนอนแล้ว เพราะเช้าต้องไป เรียนหนังสือ แต่ก็ยังมีผู้ประกอบการใช้ช่องโหว่โดยไม่คำนึงว่าตัวกฎหมายมีกำหนดกรอบอายุในการเข้าใช้บริการ
อนุทินกล่าวย้ำถึงมาตรการการขยายระยะเวลาเปิดผับถึงตี 4 ว่า ไม่ได้กังวล หากทำตามกฎหมายก็ไม่ต้องกังวลว่าจะกระทบกับอะไร และถ้าทุกคนทำตามกฎหมายกระทรวงมหาดไทยก็ไม่จำเป็นต้องทำให้ใครเดือดร้อน ทำอะไรให้รบกวนวิถีชีวิตประชาชน