×

เมื่อ ‘บุหรี่เถื่อน’ ระบาดรับเทศกาลปีใหม่ ราคาถูกล่อใจผู้ซื้อ กระทบอุตสาหกรรมยาสูบ รัฐต้องจัดการเด็ดขาด

โดย THE STANDARD TEAM
05.01.2022
  • LOADING...
บุหรี่เถื่อน

โดยปกติแล้วช่วงเทศกาลปีใหม่จะมีการระบาดของสุราและบุหรี่เถื่อน ซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องออกมาคุมเข้ม กวาดล้าง ปราบปรามผู้ประกอบการร้านค้า ผู้ลักลอบนำเข้าที่มักนำสุรา-บุหรี่ปลอมมาขายให้กับผู้บริโภคและนักท่องเที่ยวกันมากขึ้น แม้ช่วงเทศกาลปีนี้สถานการณ์โควิดจะยังน่าเป็นห่วงและยังคงต้องเฝ้าระวัง แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตว่ามีการลักลอบกระทำผิดอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราได้เห็นการรายงานข่าวการจับกุมสินค้าผิดกฎหมายถี่ขึ้นในช่วงระยะนี้ 

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘บุหรี่เถื่อน’ ซึ่งยังคงเป็นที่ต้องการของสิงห์นักสูบ ยิ่งล่าสุดที่รัฐบาลประกาศปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตบุหรี่โดยเริ่มตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2564 ทำให้ราคาบุหรี่ที่เสียภาษีอย่างถูกกฎหมายปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ทำให้ราคาของ ‘บุหรี่เถื่อน’ หรือบุหรี่หนีภาษีซึ่งถูกกว่าประมาณ 20-40 บาทต่อซอง กลายเป็นจุดล่อตาล่อใจและดีสำหรับเงินในกระเป๋าของผู้ซื้อ

 

เมื่อสินค้าเป็นที่ต้องการก็ย่อมกระตุ้นให้ผู้ค้าหัวใสและแก๊งค้าบุหรี่เถื่อนสบช่องในการทำเงินมากขึ้น พากันลักลอบขนบุหรี่เถื่อนล็อตใหญ่ ลำเลียงเข้ามาทางทะเลบ้าง ผ่านด่านชายแดนประเทศเพื่อนบ้านบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ซึ่งล่าสุดมีการจับกุมผู้ลักลอบนำเข้าบุหรี่เถื่อนล็อตใหญ่ได้หลายคดี คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 85 ล้านบาท

 

สังเกตได้จากการจับกุมในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา มีการจับกุมได้อย่างต่อเนื่องและเป็นล็อตใหม่หลายราย ระดับหลายหมื่นซอง ทะยานไปถึงหลัก 3-5 แสนซอง ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ประกาศขึ้นราคาบุหรี่เมื่อตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา และเริ่มน่าสังเกต โดยเฉพาะใกล้ช่วงเทศกาลปีใหม่ยิ่งมีการลักลอบมากขึ้น หรือมีความต้องการมากขึ้นในปีหน้า จึงมีการขนส่งบุหรี่เถื่อนในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นจำนวนมาก 

 

บุหรี่เถื่อนกระทบอุตสาหกรรมยาสูบ-รายได้รัฐ

 

นอกจากนี้หลายเสียงของผู้ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยาสูบล้วนมองว่า ‘บุหรี่เถื่อน’ หรือ ‘บุหรี่หนีภาษี’ เป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข หากปล่อยให้เรื้อรังท้ายที่สุดจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยาสูบ อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าสูงถึงปีละ 200,000 ล้านบาท และเป็นแหล่งรายได้จากการเก็บภาษีเข้ารัฐถึงปีละ 60,000 ล้านบาท จะก่อให้เกิดปัญหาในระดับท้องถิ่นและประเทศในอนาคต และจะเป็นปัญหาเรื้อรังที่ยากจะแก้ไขอีกด้วย 

 

“บุหรี่เถื่อนหนีภาษีเข้ามาตามชายแดน โดยเฉพาะทางภาคใต้มีการนำเข้ามาขายกันเป็นปกติ ที่ผ่านมามีการร้องเรียนไปหลายหน่วยงาน บุหรี่หนีภาษีเป็นปัญหาที่มีมานานแล้ว โดยเฉพาะช่วงก่อนที่จะปรับโครงสร้างภาษีครั้งใหญ่ในปี 2560 มีการลักลอบนำเข้ามาเป็นขบวนการ มาถึงตอนนี้ที่ราคาขายบุหรี่แพงขึ้น บุหรี่หนีภาษีก็ได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะราคาถูกกว่ามากและสามารถหาซื้อได้ง่าย ในฐานะผู้ค้าอย่างถูกกฎหมาย โดนบุหรี่หนีภาษีมาแย่งส่วนแบ่งตลาดไปถึง 29% ไม่เป็นธรรมกับผู้ค้าที่เสียภาษีถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งได้ไปหารือกับคณะกรรมาธิการหลายๆ คณะ รวมทั้งกรมสรรพสามิต กรมศุลกากร ทุกฝ่ายทราบว่ามีปัญหานี้ แต่ติดขัดเรื่องงบประมาณที่จะใช้ดำเนินการแก้ปัญหา อยากให้ภาครัฐจริงใจในการแก้ไขปัญหาบุหรี่หนีภาษี ขอให้ดำเนินการอย่างจริงจัง ขยายผลไปถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลัง เพราะหากปัญหายังคงวนเวียนอยู่แบบเดิม รัฐจะเป็นผู้เสียรายได้ในที่สุด” วราภรณ์ นะมาตร์ ผู้อำนวยการบริหาร สมาคมการค้ายาสูบไทย กล่าว

 

ส่วน กิตติทัศน์ ผาทอง ตัวแทนภาคีชาวไร่ยาสูบ กล่าวถึงปัญหาที่เกิดขึ้นและผลกระทบต่อชาวไร่ยาสูบในแง่มุมที่น่าสนใจว่า “รายได้ของชาวไร่ยาสูบขึ้นอยู่กับผลประกอบการของการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) การที่บุหรี่เถื่อนมาแย่งส่วนแบ่งการตลาดของ ยสท. เพราะช่องว่างของราคาบุหรี่ถูกกฎหมายกับบุหรี่เถื่อนแตกต่างกันมาก กลุ่มผู้ใช้แรงงานเป็นผู้ที่มีรายได้น้อย แต่ส่วนใหญ่จะสูบบุหรี่ และหันไปซื้อบุหรี่ราคาถูกเพื่อประหยัดเงินในกระเป๋า ยสท. ก็ได้รับผลกระทบเพราะยอดขายลดลง ทำให้รับซื้อยาสูบจากชาวไร่ลดลงตามไปด้วย อยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการปราบปรามการลักลอบนำเข้าบุหรี่ ทั้งบุหรี่มวน ยาเส้น และบุหรี่ไฟฟ้า แม้ประเทศไทยจะมีกฎหมายควบคุมการสูบบุหรี่ รณรงค์ให้ลดการสูบ แต่เมื่อคนมันจะสูบ จะรณรงค์อย่างไร จะออกกฎหมายบังคับอย่างไรก็ยังคงสูบเหมือนเดิม รัฐต้องดำเนินการอย่างจริงจัง ควรตั้งคณะกรรมการปราบปรามบุหรี่เถื่อนแห่งชาติ เพื่อมาจัดการปัญหาบุหรี่หนีภาษี หากปล่อยให้เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ในอนาคต และรัฐจะสูญเสียรายได้มากกว่าในปัจจุบัน” 

 

กระทบชาวบ้านปลูกยาสูบ ยอดรับซื้อลด

 

ส่วนทางด้าน นพดล หาญธนสาร รองผู้ว่าการด้านบริหาร รักษาการผู้ว่า ยสท. กล่าวว่า “สำหรับความเดือดร้อนของชาวไร่ยาสูบที่ได้รับผลกระทบจากรายได้ยาสูบลดลง เพราะต้องลดการรับซื้อใบยาสูบจากเกษตรกรลดลงตามไปด้วย ยสท. ได้ให้คำแนะนำแก่ชาวไร่ยาสูบในการหันมาปลูกพืชอื่นทดแทนเพื่อให้มีรายได้ โดยส่งเสริมให้ชาวไร่ยาสูบรวมตัวกันเป็นวิสาหกิจชุมชนเพื่อปลูกกัญชง กัญชา ตามนโยบายรัฐบาล ขณะนี้อยู่ในช่วงเริ่มต้นของการดำเนินการ คาดว่าจะเห็นผลเป็นรูปธรรมในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่าการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่นั้นได้ส่งผลกระทบต่อรายได้ของ ยสท. อย่างมาก แต่ ยสท. ก็เร่งปรับตัว ลดต้นทุนทุกช่องทางที่ทำได้ นอกจากนี้ต้องยอมรับว่าการก่อตั้งโรงงานยาสูบนั้นเพื่อให้ไทยผลิตยาสูบป้อนตลาดไทยและต่างประเทศ และรักษาส่วนแบ่งบุหรี่ไทยและบุหรี่นอก หากไทยไม่มีโรงงานยาสูบ ก็จะมีแต่บุหรี่นอกในไทย”

 

สำหรับ นริศ ขำนุรักษ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดพัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า “สินค้าหนีภาษีนอกจากจะทำลายผู้ค้าท้องถิ่นแล้ว ยังทำลายระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยรวมอีกด้วย เรียกได้ว่าทำลายระบบทั้งหมด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรมีมาตรการที่เข้มข้นในการจัดการกับผู้ลักลอบทำผิดกฎหมาย นอกจากการปราบปรามผู้กระทำความผิดแล้ว อีกทางหนึ่งที่ควรทำควบคู่กันไปคือการให้ความรู้แก่ผู้บริโภคไม่ให้สนับสนุนสินค้าที่ผิดกฎหมาย นอกจากนี้ในส่วนของเจ้าหน้าที่ภาครัฐเองต้องไม่ร่วมกระทำความผิด หรือรู้เห็นและปล่อยผ่านให้เกิดการลักลอบสินค้าหนีภาษี ซึ่งเจ้าหน้าที่ของรัฐเองเมื่อกระทำความผิดควรได้รับโทษมากกว่าสองเท่า เรื่องนี้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องควรร่วมผลักดันและดำเนินการอย่างจริงจัง”

 

จับบุหรี่เถื่อนปี 2564 ยอดปรับกว่า 262 ล้านบาท

 

ข้อมูลจากกรมสรรพสามิตเผยว่า ได้ดำเนินการปราบปรามบุหรี่เถื่อนหรือบุหรี่หนีภาษีและบุหรี่ปลอมอย่างเข้มข้น ภายใต้แผนเฉพาะกิจปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิต ระดมเจ้าหน้าที่ชุดเฉพาะกิจทั่วประเทศ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบปราบปรามตามพื้นที่เป้าหมายตามแนวชายแดนที่คาดว่าจะกระทำผิด การดำเนินการทั้งหมดเพื่อสร้างความเป็นธรรม โปร่งใส และสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้เสียภาษีโดยสุจริต และเป็นมาตรการเสริมทางอ้อมในการดูแลสุขภาพของผู้บริโภค โดยในปีงบประมาณ 2564 (1 ตุลาคม 2563 – 30 กันยายน 2564) กรมฯ สามารถจับกุมและปราบปรามคดีบุหรี่หนีภาษีจำนวน 6,868 คดี คิดเป็นค่าปรับกว่า 262 ล้านบาท

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X