ทุกประเทศมีศิลปวัฒนธรรมประจำชาติที่มีคุณค่าและความน่าภาคภูมิใจเป็นของตนเอง ไทยเราก็เป็นหนึ่งในแหล่งขุมทรัพย์ของศิลปวัฒนธรรม และขึ้นชื่อในเรื่องงานหัตถศิลป์อันมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ด้วยฝีมืออันประณีตผนวกเข้ากับภูมิปัญญาของครูช่างศิลป์ไทยและวัฒนธรรมอันยาวนานที่ถูกส่งจากรุ่นสู่รุ่น
วันนี้งานคราฟต์ของไทยมีมูลค่าสูง โด่งดังเป็นที่ต้องการในตลาดโลก แถมยังสร้างแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ๆ หันมาศึกษาและพัฒนาต่อยอดจากภูมิปัญญาดั้งเดิมออกมาเป็นงานหัตถศิลป์ร่วมสมัยที่น่าสนใจมากมาย
เมื่อไอคอนคราฟต์ (ICONCRAFT) พื้นที่แห่งงานฝีมือสุดสร้างสรรค์ของคนไทย จัดงาน ‘Bejeweled in Thai Style’ เปิดตัวคอลเล็กชันใหม่ของเครื่องประดับไทยอันทรงคุณค่า เพื่อให้คนไทยได้สัมผัสกับภูมิปัญญาดั้งเดิมและความคิดสร้างสรรค์ของดีไซเนอร์ไทยชั้นแนวหน้าอย่างใกล้ชิด THE STANDARD POP จึงถือโอกาสไปร่วมชมผลงาน ซึมซับเรื่องราวเบื้องหลังงานฝีมือและความรักในงานหัตถศิลป์ของคนไทย และอยากจะนำมาเล่าสู่กันฟัง ด้วยหวังว่าประสบการณ์ที่ประทับใจเราจะสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้อ่านได้ไปเสพผลงานจากฝีมือของดีไซเนอร์ไทยด้วยกัน โดยงาน Bejeweled in Thai Style จัดขึ้นตั้งแต่วันนี้ – 18 เมษายน 2564 ณ ไอคอนคราฟต์ ชั้น 4-5 ไอคอนสยาม และชั้น 3 สยามดิสคัฟเวอรี่
เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นงานรวมคอลเล็กชันใหม่ของเครื่องประดับไทยที่คัดสรรโดยไอคอนคราฟต์ ผู้เชี่ยวชาญในการรวบรวมศิลปะหลากหลายแขนงทั่วประเทศไทย จึงการันตีได้ตั้งแต่เบื้องต้นแล้วว่าทุกผลงานที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามา ณ พื้นที่แห่งนี้จะต้องประณีต ทรงคุณค่า และสะท้อนความภาคภูมิใจในงานคราฟต์ฝีมือคนไทยได้เป็นอย่างดี แล้วก็เป็นอย่างที่เราคาดจริงๆ เพราะงานนี้ได้ร่วมเอาแบรนด์ดังระดับชั้นแนวหน้าของไทย และแบรนด์ไทยที่ออกไปสร้างชื่อเสียงระดับโลกมาจัดแสดงไว้ให้เราได้ชม และสัมผัสประสบการณ์พิเศษจากความคิดสร้างสรรค์ไปด้วยกัน
เริ่มต้นที่อาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย ครูศิลป์ของแผ่นดินบรมครูด้านผ้าไทย แห่งผ้าทอยกทองจันทร์โสมา ที่ล่าสุดได้นำเอกลักษณ์เฉพาะมาต่อยอดสร้างแบรนด์เครื่องประดับไทยในชื่อ จันทร์โสมา สร้างสรรค์ผลงานเครื่องประดับไทยโบราณสุดวิจิตร เพื่อสะท้อนถึงความผูกพันของคนไทยกับงานประณีตศิลป์ชั้นสูง
“เครื่องประดับชุดไทยโบราณเป็นสิ่งที่ต้องสวมใส่คู่กับชุดไทยโบราณมาช้านาน มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่งดงามมาก ถือเป็นงานประณีตศิลป์ชั้นสูง มักใช้สวมใส่ในราชพิธีและพิธีกรรมที่สำคัญ ในโอกาสที่ได้เราร่วมงานกับทางไอคอนคราฟต์ ผมอยากทำให้เครื่องประดับไทยเข้าถึงคนร่วมสมัยมากขึ้น จึงออกแบบโดยประยุกต์เอาเครื่องประดับชุดไทยโบราณมาทำให้ร่วมสมัยมากขึ้น เช่นทำให้มีขนาดเล็กลง เพื่อให้เหมาะต่อการสวมใส่ในโอกาสทั่วไปด้วย”
อาจารย์วีรธรรม ผู้ก่อตั้งแบรนด์จันทร์โสมา ยังได้เล่าถึงแรงบันดาลใจเบื้องหลังการออกแบบคอลเล็กชันนี้ว่ามาจากวรรณคดีไทยเรื่อง ไตรภูมิพระร่วง ที่สอนให้คนรู้คุณค่าของการทำความดี ละเว้นความชั่ว และยังได้ถอดเอาสัญลักษณ์ของวรรณคดีอย่างดอกไม้ทิพย์มาออกแบบเป็นเครื่องประดับ
“ดอกไม้ทิพย์คือของวิเศษประจำกายเทพบุตรและเทพธิดาในวรรณคดี ไตรภูมิพระร่วง ผมต้องการประดิษฐ์ดอกไม้เหล่านั้นขึ้นมาให้อยู่คงทนถาวร จึงใช้วัสดุอย่างโลหะและรัตนชาติต่างๆ ที่ไม่รู้จักเหี่ยวเฉาขึ้นมาใช้เป็นเครื่องประดับกายแทนดอกไม้สด ในคอลเล็กชั่นจะประกอบด้วยตุ้มหู, สร้อยคอ, จี้, ทับทรวง, จั่น, แหวน, กำไล และเข็มขัด ฯลฯ”
เมื่อถามถึงเทคนิคต่างๆ ที่ใช้ในการทำเครื่องประดับของแบรนด์จันทร์โสมา อาจารย์วีรธรรมบอกว่ามีทั้งงานสลักดุน งานหล่อ งานแกะ บางชิ้นมีการประดับตกแต่งด้วยรัตนชาติอัญมณีที่มีค่ามีราคา บางอย่างมีการสลักขอบลงยาสีและลงยาขาว ซึ่งเทคนิคเหล่านี้ถือเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของการทำเครื่องประดับไทย ที่หาดูได้ยากยิ่งในเวลานี้
อีกหนึ่งแบรนด์ที่เป็นสุดยอดงานศิลปะที่ผสมผสานองค์ความรู้ระดับโลกกับเรื่องราวแบบไทยๆ คือ แกลเลอรี เดอ หิมพานต์ ก่อตั้งด้วยความต้องการที่จะสืบสานอนุรักษ์และพัฒนาชิ้นงานศิลปะไทยแขนงต่างๆ และส่งต่อมรดกทางวัฒนธรรมอันเปี่ยมด้วยคุณค่าให้แก่คนรุ่นใหม่ ผ่านชิ้นงานพัดจีบเขียนลายอย่างไทย (เป็นงานแฮนด์เพนต์ทุกชิ้น) โดยทางแบรนด์สร้างสรรค์ขึ้นโดยได้รับแรงบันดาลใจจากสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง ที่โปรดปรานการทรงพัด ส่วนลวดลายบนพัดแต่ละด้ามได้ถูกรังสรรค์ขึ้นมาโดยอ้างอิงจากจิตรกรรมและวรรณคดีไทยต่างๆ ผ่านการผูกเรื่องราวและตีความใหม่
นอกจากจะมีเจตนารมณ์ที่ดีที่จะสืบสานศิลปวัฒนธรรมและองค์ความรู้ในงานหัตถศิลป์ไทยให้คงอยู่ต่อไปแล้ว คุณนิด เจ้าของแบรนด์แกลเลอรี เดอ หิมพานต์ ยังเล่าให้ฟังถึงที่มาที่ไปและรายละเอียดของพัดแต่ละด้าม เช่น งานทุกชิ้นใช้วัสดุจากประเทศไทยในสัดส่วน 90 เปอร์เซ็นต์ การพัฒนาองค์ความรู้ใหม่ๆ เพื่อเอาชนะข้อจำกัดของวัสดุ การสร้างความแตกต่างและเอกลักษณ์เฉพาะตัวของพัดแต่ละด้าม ผ่านเทคนิคในการเขียน หรือการเลือกใช้วัสดุ ฯลฯ
จากเรื่องราวของทั้งสองแบรนด์ที่ได้รับการเลือกมาจัดแสดงในงาน Bejeweled in Thai Style สะท้อนให้เห็นว่าการสร้างคุณค่าและความภาคภูมิในศิลปวัฒนธรรมไทย ไม่ใช่การเก็บองค์ความรู้หรือภูมิปัญญาเหล่านั้นไว้อยู่แต่บนหิ้ง หากแต่เป็นการย้อนกลับไปศึกษา ทำความเข้าใจ เปิดให้ตีความใหม่ และใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการต่อยอดให้ศิลปวัฒนธรรรมที่ผ่านกาลเวลามาอย่างยาวนาน สามารถอยู่ร่วมสมัยกับคนปัจจุบันได้อย่างสอดคล้องกลมกลืน
ร่วมสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ เกี่ยวกับงานหัตถศิลป์ไทย และช้อปสินค้าเครื่องประดับไทย ผ้าไทย และงานคราฟต์อื่นๆ อีกมากมายหลายแบรนด์ อาทิ กรุช่างทองโบราณ, Luck Thai (รักไทย), V BY SRITAVIE (วี บายศรีทวี) และแบรนด์อื่นๆ ที่คัดสรรโดยไอคอนคราฟต์ ที่งาน Bejeweled in Thai Style ณ ไอคอนคราฟต์ พื้นที่แห่งงานฝีมือสุดสร้างสรรค์ของคนไทย ชั้น 4-5 ไอคอนสยาม และชั้น 3 สยามดิสคัฟเวอรี่ ตั้งแต่วันนี้ – 18 เมษายน
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
