วันนี้ (9 มกราคม) ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสอบคำให้การในคดี อทย 14/2568 ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง บอสพอล-วรัตน์พล วรัทย์วรกุล ผู้บริหารดิไอคอนกรุ๊ป, บอสกัน-กันต์ กันตถาวร กับพวก เป็นจำเลยรวม 17 คน ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันประกอบธุรกิจขายตรงหรือประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง
วันนี้ศาลสั่งเบิกตัวจำเลยทั้ง 17 คนจากเรือนจำมาศาล เพื่อสอบคำให้การจำเลย
วิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของบอสพอล เดินทางมาถึงศาลอาญาพร้อมเปิดเผยว่า ขั้นตอนในวันนี้ศาลจะอ่านคำฟ้องให้จำเลยฟังว่าจะให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธ ถ้ารับสารภาพคดีก็พิจารณาไป แต่ถ้าปฏิเสธก็จะมีนัดตรวจพยานหลักฐานต่อไป คาดว่าน่าจะเป็นช่วงเดือนมีนาคมหรือเมษายนนี้
ทั้งนี้ มีการคุยกับทีมทนายความว่าจะต้องยื่นประกันจำเลยช่วงไหน อย่างไร เนื่องจากเอกสารหลักฐานมีจำนวนมาก จำเลยมีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องได้รับการประกันตัวออกมาต่อสู้คดี นำเสนอข้อมูล หลักฐานเอกสารต่างๆ เพื่ออธิบายต่อศาลให้เข้าใจ
ส่วนกรณีที่อัยการมีคำสั่งไม่ฟ้อง บอสแซม-ยุรนันท์ ภมรมนตรี และ บอสมิน-พีชญา วัฒนามนตรี วิฑูรย์ระบุว่า เป็นเรื่องที่ดีมากที่อัยการสั่งไม่ฟ้อง เพราะบริษัทก็ไม่ได้ทำผิดกฎหมาย ไม่ได้ขายสินค้าที่ผิดกฎหมาย ซึ่งสินค้าก็มีเครื่องหมาย อย. การที่อัยการสั่งไม่ฟ้องถือเป็นความกล้าหาญของอัยการที่กล้ายึดถือความยุติธรรมเป็นหลักที่ให้ความยุติธรรมกับพวกเรา
ขณะเดียวกัน วิฑูรย์ตั้งคำถามว่า การที่เจ้าหน้าที่จับบอสทั้งหมดแล้วสุดท้ายอัยการสั่งไม่ฟ้อง จะรับผิดชอบกับ 2 บอสอย่างไร เป็นเรื่องที่หน่วยงานภาครัฐต้องหาคำตอบว่า ตลอดเวลาที่ทำงานมานั้นทำตามกระแสสังคมหรือไม่ เพราะที่ผ่านมาลูกความที่เป็นบอสทั้งหลายก็ถูกค้านประกันมาโดยตลอด เราไม่สามารถที่จะชี้แจงอะไรได้เลย
ในการพิจารณาคดีนี้ หากจำเลยได้รับการประกันตัวจะใช้เวลาในการสืบพยานจนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาประมาณ 1 ปีเศษ แต่ถ้าจำเลยต้องอยู่ในเรือนจำ ก็อยู่ที่ศาลจะกำหนดกรอบระยะเวลา
ส่วนกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เพิกถอนใบอนุญาตธุรกิจตลาดแบบตรงว่า การขายสินค้าให้กับผู้บริโภคโดยใช้เครื่องมือสื่อสาร หรือ TV Direct ทางบริษัทไม่สามารถที่จะขายสินค้าตรงไปยังผู้บริโภคได้ แต่สิ่งที่ทำได้คือขายสินค้าผ่านตัวแทนและตัวแทนสามารถขายสินค้า เรื่องนี้จะมีการยื่นอุทธรณ์คำสั่งต่อ สคบ. ต่อไป
วิฑูรย์กล่าวถึงกรณีที่มีผู้ร้องสอบมรรยาททนายความว่า เป็นสิทธิที่จะทำได้ แต่ส่วนตัวมองว่าเป็นการร้องกลั่นแกล้ง เพราะตนเองไม่ได้มีพฤติกรรมข่มขู่ผู้เสียหาย เพียงแต่บอกว่า จะแจ้งความกับคนที่แจ้งความเท็จเท่านั้น ซึ่งในเรื่องนี้จะให้เพื่อนที่เป็นทนายความตรวจสอบและดำเนินคดีกับทุกคนที่ร้องเรียนตนเอง