เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป ทุ่มงบมหาศาลกว่า 400 ล้าน เปิดตัว ‘ไอคอน ซีเนคอนิค’ โรงภาพยนตร์ระดับแฟลกชิปใจกลางฝั่งธนฯ เทียบเท่าพารากอน ซีนีเพล็กซ์ ที่ไอคอนสยามตั้งเป้าจับกลุ่มลูกค้าไทยและต่างชาติที่ 70% และ 30% ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ เผยอีก 3 ปีข้างหน้า เตรียมดันช่องทางจำหน่ายตั๋วบนสมาร์ทโฟนและตู้ Kiosk 100%
วันนี้ (6 ธ.ค.) บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ได้เปิดตัวโรงภาพยนตร์ไอคอน ซีเนคอนิค บนพื้นที่ 11,062 ตารางเมตรของชั้น 6-8 โครงการไอคอนสยามอย่างเป็นทางการ ด้วยจำนวนโรงภาพยนตร์ 13 โรง และอีก 1 โรงแบบลีฟวิงรูม รวม 2,781 ที่นั่ง ครอบคลุมทุกเซกเมนต์กลุ่มเป้าหมาย ทั้งโรงภาพยนตร์แบบ VIP, IMAX, 4DX และ KIDS ด้วยงบลงทุนที่สูงกว่าพารากอน ซีนีเพล็กซ์ที่ประมาณ 400 ล้านบาท (แบ่งเป็นค่าดำเนินการก่อสร้าง 260 ล้านบาท และค่าลงทุนในส่วนอื่นๆ)
นรุตม์ เจียรสนอง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ไอคอน ซีเนคอนิค ถือเป็นโรงภาพยนตร์ระดับแฟลกชิปใจกลางฝั่งธนฯ เทียบเท่ากับพารากอน ซีนีเพล็กซ์ ทั้งยังเป็นโรงภาพยนตร์ในประเทศไทยแห่งแรกที่ใช้เทคโนโลยีในการฉายในระบบ Laserplex แบบ RGB ในทุกโรง เพื่อคุณภาพในการฉายที่ดีกว่าระบบปกติทั่วไป
นอกจากนี้ยังได้ ดิเอโก กรอนดา นักออกแบบชื่อดังที่เคยผ่านการออกแบบพารากอน ซีนีเพลกซ์ และโกดัก เธียเตอร์ สถานที่จัดงานประกาศผลรางวัลออสการ์มาออกแบบให้ โดยเน้นคอนเซปต์ความเป็นไทยเป็นหลัก และใช้จอ LED มาติดตั้งตามจุดต่างๆ ในโรงภาพยนตร์ เพื่อใช้แทนโปสเตอร์แบบใบปิด
ในแง่ของกลุ่มเป้าหมาย นรุตม์บอกว่า ไอคอน ซีเนคอนิค จะเน้นกลุ่มลูกค้าคนไทยและชาวต่างชาติในสัดส่วน 70% และ 30% ตามลำดับ โดยอยู่ในช่วงวัย 18-35 ปี เป็นคนทำงาน พนักงานออฟฟิศ และครอบครัวที่ทำงานและอาศัยอยู่ในย่านฝั่งธนบุรี รวมถึงพื้นที่โดยรอบแม่น้ำเจ้าพระยา จึงทำให้ไอคอน ซีเนคอนิคมีภาพยนตร์เสียงพากย์ไทยจัดฉายพร้อมๆ กับระบบซาวด์แทร็กแบบ 50:50 ซึ่งต่างจากที่พารากอน ส่วนราคาจำหน่ายตั๋วเริ่มต้นที่ 250 บาท
สำหรับจุดเด่นของไอคอน ซีเนคอนิค อยู่ที่การออกแบบตัวโรงภาพยนตร์ให้มีความหรูหราโอ่อ่าตามสไตล์ของเมเจอร์ฯ และเน้นความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานค่อนข้างสูง ยกตัวอย่างโรงภาพยนตร์แบบ VIP ที่ผู้ใช้บริการสามารถเรียกพนักงานบัตเลอร์คอยให้บริการตลอดการรับชมภาพยนตร์ และมีห้องน้ำแบบ Private 1 คน ต่อ 1 ห้อง เช่นเดียวกับโรงแบบลีฟวิงรูมที่ถูกออกแบบมาคล้ายห้องนั่งเล่น และสามารถใช้จัดงานสัมมนาหรือเหมาโรงได้
หลังการเปิดให้บริการจริงเมื่อวานนี้ (5 ธ.ค.) นรุตม์บอกว่า ผลตอบรับดีมาก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเปิดในช่วงเทศกาลพอดี จนมียอดจำหน่ายตั๋วเป็นสถิติสูงสุดที่ประมาณ 6,000 ใบในวันดังกล่าว ขณะที่ตั้งเป้าเอาไว้ว่า ตลอดทั้งปี ไอคอน ซีเนคอนิคจะต้องมียอดจำหน่ายตั๋วให้ได้ราว 2 ล้านใบต่อปี ซึ่งคาดว่า บิลลิงจะเพิ่มขึ้นหลังเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีทอง และจะเน้นลูกค้ากลุ่มองค์กรไม่ต่างจากที่พารากอน ซีนีเพล็กซ์
ขณะที่ในเชิงการเติบโต สิ้นปีนี้ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ๊ป จะมีโรงภาพยนตร์ให้บริการรวมกันกว่า 160 สาขา ใน 771 โรง 176,435 ที่นั่ง (43 โรง 349 สาขา ในกรุงเทพฯ) โดยมีสัดส่วนการเติบโตในเชิงยอดขายตั๋วเพิ่มขึ้น 10% จากปีที่แล้ว มีจำนวนตั๋วที่ถูกขายประมาณ 34 ล้านใบ ส่วนกลยุทธ์ในอนาคตคาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนการขายตั๋วให้มาอยู่บนสมาร์ทโฟน (80%) และตู้ Kiosk (20%) ให้ได้ภายใน 3 ปี แทนที่พนักงานขายตั๋วหน้า Box Office ที่ปัจจุบันคิดเป็นช่องทางการขายตั๋วของเมเจอร์ฯ ที่ 10% เท่านั้น
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
