สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภา และอดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา แถลงในการประชุมกับสมาชิกสภาจังหวัดพระวิหาร ในวันนี้ (27 มิถุนายน) โดยกล่าวถึงหลายประเด็น ทั้งปัญหาข้อพิพาทระหว่างกัมพูชาและไทย ประเด็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมข้ามชาติในกัมพูชา และประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และบุตรสาวคือนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร รวมถึงน้องสาว คืออดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร
และนี่คือเนื้อหาจากถ้อยแถลงของผู้นำกัมพูชา ที่มีการไลฟ์สดผ่าน Facebook นานเกือบ 4 ชั่วโมง
แฉทักษิณไม่ได้ป่วยจริง
ฮุนเซน กล่าวถึงกรณีของแพทองธาร ที่ไปเยือนกัมพูชาเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยระบุว่านายกรัฐมนตรีของไทย ได้มีการพูดถึงแผนสลับตำแหน่งคณะรัฐมนตรีให้เขาฟังในระหว่างการเยือน
นอกจากนี้เขายังเปิดเผยว่า ทักษิณไม่ได้ป่วยจริง โดยเฝือกที่คอและข้อมือที่สวมไว้ มีไว้เพื่อการแสดงเท่านั้น พร้อมกล่าวหาทักษิณและแพทองธาร ว่า ‘ขาดความซื่อสัตย์’
ขณะที่ฮุนเซน ยังเปิดเผยว่า ยิ่งลักษณ์ได้ใช้หนังสือเดินทางกัมพูชาเพื่ออยู่นอกประเทศ และเขาเป็นผู้ช่วยจัดการให้อดีตนายกรัฐมนตรีไทยเดินทางหลบหนีออกจากไทย
ฮุนเซน ยืนยันว่า กัมพูชาไม่เคยให้นักการเมืองคนใด ใช้แผ่นดินกัมพูชาในการต่อต้านรัฐบาลของประเทศอื่น และย้ำว่ากัมพูชาเป็นดินแดนแห่งการช่วยเหลือ
โดยประธานวุฒิสภากัมพูชา ยังอ้างว่าเขาเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือในการไกล่เกลี่ยเพื่อให้ทักษิณ ได้เดินทางกลับไทย
แจงปมอัดคลิปเสียงแพทองธาร
ฮุนเซน ยังกล่าวถึงกรณีของคลิปบันทึกเสียงสนทนาระหว่างเขาและนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ที่ถูกเผยแพร่ออกมาก่อนหน้านี้ โดยระบุว่าเขาหมดความอดทนต่อแพทองธาร หลังจากที่เธอออกมาวิพากษ์วิจารณ์ตัวเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ฮุนเซน ยืนยันว่า การรั่วไหลของไฟล์เสียงสนทนากับนายกรัฐมนตรีไทย ไม่ได้เกิดจากเจตนาของเขา
สาเหตุที่ต้องมีการบันทึกเสียงสนทนานั้น ฮุนเซน อ้างว่าเป็นเพราะถูกหลอกลวงเกี่ยวกับการปรับกำลังทหาร โดยแพทองธาร และอดีตนายกรัฐมนตรี ยิ่งลักษณ์ ได้ขอให้กัมพูชาและไทยปรับกำลังทหาร พร้อมทั้งมีการขอบคุณเขา แต่สุดท้ายฝ่ายไทยกลับรายงานอย่างไม่เป็นความจริงว่ากัมพูชาถอนทหาร
ฮุนเซน มองว่าท่าทีดังกล่าวเป็นการหลอกลวง จึงตัดสินใจบันทึกเสียงการโทรศัพท์พูดคุยกับแพทองธาร เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน และส่งต่อไปยังกลุ่มเจ้าหน้าที่ประมาณ 80 คน ซึ่งเขากล่าวว่าหนึ่งในนั้นอาจโกรธที่นายกรัฐมนตรีไทยกล่าวโจมตีผู้นำกัมพูชา จึงเผยแพร่คลิปเสียงออกมา
ขณะที่ซีอีโอของ Fresh News ขอให้นำคลิปเสียงดังกล่าวเผยแพร่ออกอากาศ ก่อนที่ฮุนเซน จะตัดสินใจเผยแพร่คลิปเสียงทั้งหมดที่มีความยาวกว่า 17 นาที
ฮุนเซน ยังมองว่าการที่แพทองธาร วิพากษ์วิจารณ์ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ในบทสนทนาดังกล่าว ถือเป็นการทรยศต่อชาติ และตั้งคำถามว่าการกระทำของนายกรัฐมนตรีไทยนั้น ถือเป็นเรื่องปกติหรือไม่
ขณะที่ฮุนเซน ยืนยันว่า กัมพูชาไม่สามารถทำงานกับนายกรัฐมนตรีไทยคนปัจจุบันได้ และกำลังรอรัฐบาลใหม่ของไทย และชี้ว่าแพทองธาร อาจดูถูกผู้บัญชาการทหารของไทยได้ แต่ไม่ควรดูหมิ่นผู้นำกัมพูชา ซึ่งเธอยังเป็นเด็ก และเป็นการดูหมิ่นผู้อาวุโส รวมถึงผู้นำประเทศด้วย
ผู้นำกัมพูชา ยืนยันว่าปัจจุบันนี้ การสนทนาทั้งหมดจะมีการบันทึกเสียงไว้ และเรียกร้องให้ไทยฟ้องร้องเขาในกรณีบันทึกเสียง แต่ย้ำว่าศาลไทยไม่มีเขตอำนาจเหนือกัมพูชา
ท้าไทยไปศาลโลก
กรณีพิพาทเขตแดนกับไทย ฮุน เซน กล่าวว่า จังหวัดพระวิหารและจังหวัดต่างๆ ที่มีพรมแดนติดกับไทย กำลังตกอยู่ในเหตุการณ์เลวร้ายจากความขัดแย้งที่เกิดจากการรุกรานของไทย
เขายืนยันว่าได้พยายามป้องกันไม่ให้ข้อพิพาทชายแดน ขยายจากพื้นที่หนึ่งไปอีกพื้นที่หนึ่ง และจากภาคส่วนหนึ่งไปอีกภาคส่วนหนึ่ง แต่ปัญหากลับขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
โดย ฮุน เซน ยืนยันว่า กัมพูชายังคงยึดมั่นในแนวทางการเจรจาสันติภาพกับไทย โดยใช้กลไกทวิภาคี และศาลโลก ซึ่งก่อนหน้านี้กัมพูชาได้มีการนำ 4 พื้นที่ ได้แก่ ปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาควาย และสามเหลี่ยมมรกต ยื่นฟ้องต่อศาลโลก
ฮุน เซน ย้ำว่าหากทั้งสองฝ่ายต้องการความยุติธรรม ก็ไม่ควรกลัวศาลโลก และตั้งคำถามว่า หากไทยกล่าวหาว่ากัมพูชารุกรานแผ่นดินไทย ทำไมจึงไม่ยอมฟ้องกัมพูชาต่อศาลโลก และทำไมจึงไม่ยอมไปศาลโลกพร้อมกัน พร้อมทั้งชี้ว่า คำตัดสินของศาลโลกจะช่วยให้รัฐบาลของทั้งสองประเทศ สามารถอธิบายต่อประชาชนได้ เพราะเป็นคำตัดสินที่เป็นทางการ
นอกจากนี้ ฮุน เซน ยังขอให้รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม พิจารณาแก้กฎหมายเพิกถอนสัญชาติกัมพูชาของผู้ที่สมคบกับชาวต่างชาติทำลายกัมพูชา
โดยเขากล่าวว่า กัมพูชาจะปกป้องตนเองจากการรุกราน และจะตอบโต้หากถูกรุกราน แม้ว่าจะเป็นประเทศเล็ก แต่ก็มีสิทธิในการป้องกันตนเอง และอ้างว่ากัมพูชามีอาวุธที่สามารถยิงได้ถึงกรุงเทพฯ แต่กัมพูชาจะไม่ทำเช่นนั้น
นอกจากนี้ เขากล่าวว่าหากไทยอนุญาตให้ผู้นำฝ่ายค้านกัมพูชาที่ลี้ภัย ทำกิจกรรมต่อต้านกัมพูชาบนแผ่นดินไทย จะถือเป็นการละเมิดหลักการของอาเซียนเรื่องการไม่แทรกแซงกิจการภายใน
โดยเขาชี้ว่าไทยกำลังมีท่าทีเป็นศัตรูกับประเทศเพื่อนบ้านทั้งหมดที่มีพรมแดนติดกับไทย โดยกัมพูชาเป็นประเทศสุดท้ายที่ยังมีปัญหาเขตแดนกับไทย
อ้างกัมพูชาเหยื่อแก๊งคอลฯ ได้รับความเสียหายเพราะไทย
ฮุน เซน อ้างว่ากรณีการหลอกลวงทางออนไลน์ที่เกิดขึ้นในกัมพูชา เป็นผลจากการที่รัฐบาลกัมพูชาตกเป็น ‘เหยื่อ’ เพราะประเทศไทยคือประเทศที่มีสายการบินเชื่อมโยงหลายประเทศและนำอาชญากรเหล่านั้นเข้ามา
เขาอ้างว่ากัมพูชาได้รับความเสียหายอย่างมากจากไทย เพราะเที่ยวบินจากประเทศที่อยู่ห่างไกลไม่ได้บินตรงมาที่กัมพูชา แต่ทั้งหมดไปที่ไทย
ฮุน เซน มองว่าการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ไม่สามารถดำเนินการฝ่ายเดียวได้ ต้องร่วมมือกัน และตั้งคำถามว่าทำไมไทยจึงกล่าวโทษกัมพูชา ทั้งที่ไทยเองก็เป็นแหล่งซ่อนตัวของอาชญากรไซเบอร์
โดย ฮุน เซน ยังได้สั่งให้สถานีโทรทัศน์และสื่อทั้งหมดเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับอาชญากรรมออนไลน์ในกัมพูชา
นอกจากนี้ ฮุน เซน กล่าวว่า การที่มาเลเซียประกาศสร้างรั้วกั้นชายแดนเพื่อป้องกันอาชญากรรม เป็นหลักฐานว่าไทยคือแหล่งซ่อนตัวของอาชญากร
ส่วนกรณีการกำหนดมาตรการต่อต้านแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมข้ามชาติของรัฐบาลไทย โดยเฉพาะมาตรการตัดไฟฟ้าและอินเทอร์เน็ต ฮุน เซน ยืนยันว่าปัจจุบันกัมพูชาไม่ได้ใช้ไฟฟ้าหรืออินเทอร์เน็ตจากไทย
ทั้งนี้ ฮุน เซน กล่าวว่าในยุครัฐบาลไทยชุดปัจจุบัน ซึ่งเขามองว่าเป็นเผด็จการ ไทยจะไม่สามารถข่มขู่กัมพูชาได้
เขากล่าวถึงกรณีแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในไทยแต่ยังถูกดูหมิ่น โดยขอให้แรงงานกัมพูชากลับประเทศ และยืนยันว่า รัฐบาลกัมพูชา พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือด้านการจัดหางานและจ่ายหนี้ธนาคาร
อ้างอิง: