- จับตาตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ โดยวันนี้จีนมีกำหนดประกาศดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (Industrial Production) ประจำเดือนกันยายน ซึ่งคาดว่าจะขยายตัว 5.8% (YoY) ขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้าที่ 5.6% (YoY) และโตต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 หลังจากผ่านพ้นการแพร่ระบาดของโควิด-19
- สำนักข่าวต่างประเทศรายงานระบุว่า ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคเมืองเจียซิง ในมณฑลเจ้อเจียงของจีน ประกาศเริ่มให้ประชาชนที่มีความจำเป็นเร่งด่วน ให้สามารถรับการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ซึ่งผลิตโดย Sinovac Biotech ได้ก่อนในราคา 400 หยวน (ประมาณ 2,000 บาท) หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ฉีดวัคซีนนี้ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่ประจำเรือ และเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่เสี่ยงสูงเป็นที่เรียบร้อย แม้จะยังไม่ผ่านการรับรองก็ตาม
- มิตช์ แม็กคอนเนลล์ วุฒิสมาชิกจากพรรครีพลับลิกัน ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาแถลงว่า วุฒิสภาเตรียมลงมติผ่านร่างมาตรการบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 วงเงิน 300,000 ล้านดอลลาร์ ในวันพุธที่ 21 ตุลาคมนี้ หลังจากการลงมติเกี่ยวกับโครงการ Paycheck Protection Program (PPP) เสร็จเรียบร้อยในวันอังคารเสียก่อน ซึ่งวงเงินดังกล่าวนั้นเป็นวงเงินชั่วคราว ที่มีจำนวนน้อยกว่าที่ทั้งพรรคเดโมแครตและสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังเสนอไว้ก่อนหน้านี้ที่ 2 ล้านล้านดอลลาร์ และ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม ทำเนียบขาวปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อท่าทีดังกล่าว แม้จะเป็นแถลงการณ์จากวุฒิสมาชิกในพรรครีพับลิกัน พรรคต้นสังกัดของ โดนัลด์ ทรัมป์ ก็ตาม
- วันเสาร์ที่ผ่านมา สถาบันสุขภาพแห่งชาติของสหรัฐ (NIH) ประกาศเริ่มการทดลองวัคซีนต้านโควิด-19 ระยะที่ 3 เพื่อประเมินประสิทธิภาพและความปลอดภัย หลังจากในช่วงที่ผ่านมานั้นอาสาสมัครบางรายตอบสนองทางภูมิคุ้มกันมากเกินไป ทำให้เกิดอาการอักเสบ ซึ่งทำให้ผู้ป่วยต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ และออกจากโรงพยาบาลได้ช้า ทำให้การทดลองครั้งนี้จะเน้นไปที่การปรับการตอบสนองดังกล่าว เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยออกจากโรงพยาบาลได้เร็วขึ้น
- คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษให้สัมภาษณ์ถึงการเจรจาการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปของสหราชอาณาจักร (Brexit) ระบุว่า เขาพร้อมที่จะนำสหราชอาณาจักรแยกตัวออกแบบไร้ข้อตกลง (No-Deal Brexit) หากสหภาพยุโรปยังไม่เปลี่ยนท่าทีเจรจาที่ต้องการให้อังกฤษเร่งบรรลุดีล หลังจากการเจรจายืดเยื้อมานานกว่า 1 ปี และใกล้สิ้นสุดช่วงระยะเปลี่ยนผ่านในสิ้นปี 2020 นี้
ภาวะตลาดเมื่อวันศุกร์
- ดัชนี Dow Jones และ S&P 500 ปรับตัวขึ้นในขณะที่ดัชนี Nasdaq ปรับตัวลงเล็กน้อย จากตัวเลขเศรษฐกิจในสหรัฐฯ ที่ออกมาแข็งแกร่ง โดยตัวเลขดัชนียอดค้าปลีกออกมาขยายตัวที่ 1.9% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 0.7% รวมทั้งปัจจัยหนุนจากการที่บริษัทไฟเซอร์ออกมายืนยันว่าจะจดทะเบียนวัคซีนต้านโควิด-19 ในช่วงสัปดาห์ที่ 3 ของเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ สร้างแรงหนุนให้กับนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นที่เป็นสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้ง สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวขึ้นเช่นกันจากผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 3 ที่ออกมาแข็งแกร่ง รวมทั้งการที่บริษัทไฟเซอร์จะจดทะเบียนไวรัสต้านโควิด-19 ในเดือนหน้า สร้างความคาดหวังที่ระบบเศรษฐกิจในยุโรปจะกลับมาเปิดในเร็วๆ นี้ หลังมีมาตรการล็อกดาวน์ในช่วงก่อนหน้านี้
- สัญญาน้ำมันดิบปรับตัวลง หวั่นปริมาณความต้องการใช้น้ำมันลดลงในปีนี้ หลังฝั่งยุโรปได้มีมาตรการล็อกดาวน์ออกมา รวมทั้งการผลิตน้ำมันของลิเบียเพิ่มสูงขึ้น อาจส่งผลให้เกิดภาวะน้ำมันล้นตลาดได้ ด้านสัญญาทองคำปรับตัวลงจากตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทในไตรมาส 3 ที่ออกมาแข็งแกร่ง รวมทั้งความคาดหวังที่วัคซีนต้านโควิด-19 จะได้ใช้ในเร็วๆ นี้ ส่งผลให้นักลงทุนเทขายทองคำที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัยจากปัจจัยดังกล่าว
สหรัฐฯ
- Dow Jones อยู่ที่ 28,606.31 เพิ่มขึ้น 112.11 (0.39%)
- S&P 500 อยู่ที่ 3,483.81 เพิ่มขึ้น 0.47 (0.01%)
- Nasdaq อยู่ที่ 11,671.56 ลดลง -42.31 (-0.36%)
ยุโรป
- DAX อยู่ที่ 12,908.99 เพิ่มขึ้น 205.24 (1.62%)
- FTSE 100 อยู่ที่ 5,919.58 เพิ่มขึ้น 87.06 (1.49%)
- Euro Stoxx 50 อยู่ที่ 3,245.47 เพิ่มขึ้น 52.78 (1.65%)
- FTSE MIB อยู่ที่ 19,389.68 เพิ่มขึ้น 324.24 (1.7%)
เอเชีย
- Nikkei 225 อยู่ที่ 23,410.63 ลดลง -96.6 (-0.41%)
- S&P/ASX 200 อยู่ที่ 6,176.8 ลดลง -33.5 (-0.54%)
- Shanghai อยู่ที่ 3,336.36 เพิ่มขึ้น 4.17 (0.13%)
- SZSE Component อยู่ที่ 13,532.73 ลดลง -92.16 (-0.68%)
- China A50 อยู่ที่ 15,984.49 เพิ่มขึ้น 45.38 (0.28%)
- Hang Seng อยู่ที่ 24,386.79 เพิ่มขึ้น 228.25 (0.94%)
- Taiwan Weighted อยู่ที่ 12,750.37 ลดลง -77.45 (-0.6%)
- SET อยู่ที่ 1,233.68 ลดลง -9.28 (-0.75%)
- KOSPI อยู่ที่ 2,341.53 ลดลง -19.68 (-0.83%)
- IDX Composite อยู่ที่ 5,103.41 ลดลง -1.74 (-0.03%)
- BSE Sensex อยู่ที่ 39,982.98 เพิ่มขึ้น 254.57 (0.64%)
- PSEi Composite อยู่ที่ 5,898.47 ลดลง -39.86 (-0.67%)
Commodity
- ราคาน้ำมันดิบ WTI อยู่ที่ 40.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -0.08 (-0.2%)
- ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ อยู่ที่ 42.93 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ลดลง -0.23 (-53%)
- ราคาทองคำอยู่ที่ 1898.97 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ลดลง -8.85 (-0.47%)
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง:
- Infoquest
- Bloomberg
- Investing
- CNBC
- Reuters