การประชุมสภาผู้แทนราษฎรครั้งแรกเพื่อเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรใช้เวลากว่า 10 ชั่วโมง ในที่สุดผลการลงมติแบบลับปรากฏว่า ชวน หลีกภัย ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ตัวแทนขั้วพรรคพลังประชารัฐ ชนะคะแนน สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส. จังหวัดเชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ตัวแทนขั้ว 7 พรรคฝ่ายเพื่อไทยไปด้วยมติ 258 ต่อ 235 เสียง งดออกเสียง 1 เสียง
ทั้งนี้เมื่อนับจำนวน ส.ส. ตามขั้วการเมือง ในส่วนขั้วพรรคพลังประชารัฐ 20 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคพลังประชารัฐ, พรรคประชาธิปัตย์, พรรคภูมิใจไทย, พรรคชาติไทยพัฒนา, พรรคชาติพัฒนา, พรรครวมพลังประชาชาติไทย, พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย, พรรคประชาชนปฏิรูป, พรรคพลังท้องถิ่นไท และ 11 พรรคเล็ก รวมเสียง ส.ส. 253 เสียง แต่ต้องตัด ชัย ชิดชอบ ประธานสภาฯ ชั่วคราวออกไปเพราะงดออกเสียง ทำให้รวมเสียง ส.ส. แล้วต้องเหลือ 252 เสียง
ขณะที่ขั้ว 7 พรรคการเมืองฝ่ายเพื่อไทย ประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย, พรรคอนาคตใหม่, พรรคเพื่อชาติ, พรรคเสรีรวมไทย, พรรคเศรษฐกิจใหม่, พรรคประชาชาติ และพรรคพลังปวงชนไทย รวมเสียง ส.ส. 245 เสียง
แต่ต้องตัดออกไป 3 เสียง ได้แก่ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ต้องยุติการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ, จุมพิตา จันทรขจร ส.ส. จังหวัดนครปฐม พรรคอนาคตใหม่ ลาป่วย และกนก ลิ้มตระกูล ส.ส. จังหวัดอุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย ซึ่งภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค ชี้แจงว่าเป็นเหตุเข้าใจผิด เพราะคิดว่าวันนี้จะเลื่อนการประชุมจึงบินกลับไปก่อน ทำให้เมื่อสรุปแล้วเสียง ส.ส. ฝ่ายพรรคเพื่อไทยต้องรวมได้ 243 เสียง
ดังนั้นจากคะแนนที่ออกมา ชวนได้ไป 258 เสียง ส่วนสมพงษ์ได้ไป 235 เสียง นั่นหมายความว่า ขั้วพรรคพลังประชารัฐได้คะแนนเพิ่มมา 6 เสียง (258 – 252 = 6) ในทางการเมืองตีความได้ว่ามีงูเห่าฝั่ง 7 พรรคเพื่อไทยย้ายไป 6 คน
ภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเสียงที่หายไปของฝ่ายขั้ว 7 พรรคเพื่อไทยว่าอยู่ระหว่างตรวจสอบ แต่ยืนยันว่าวันนี้ได้ทำหน้าที่ตามที่ให้คำมั่นกับประชาชนไว้อย่างดีที่สุดแล้ว ซึ่งประชาชนได้เห็นแล้วว่าใครทำเพื่อประชาชน แต่ใครทำเพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้อง พร้อมยังเชื่อมั่นว่าทั้ง 7 พรรคการเมืองยังจับมือกันเหนียวแน่นและจะสู้จนถึงที่สุด
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์