วันนี้ (21 สิงหาคม) เอกชัย ทรงอำนาจเจริญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดอุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุขว่า การจัดสรรงบประมาณยังไม่สอดคล้องกลับสถานการณ์ปัจจุบัน การใช้จ่ายภาษีของพี่น้องทั้งประเทศในยามลำบาก ยามวิกฤต และยามอดอยากเช่นนี้ ต้องตรงเป้าหมาย รวดเร็ว และมีคุณภาพที่สุด แต่การตั้งงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุขเข้ามาในปี 2565 ยังคงเป็นการตั้งงบประมาณเข้ามาแบบปกติเหมือนเดิมในหลายโครงการ
วันนี้บุคลากรด่านหน้ากำลังเหน็ดเหนื่อย กำลังต่อสู้กับโรคระบาดโควิด เขาต้องการเครื่องมือ เครื่องช่วยหายใจ โรงพยาบาลสนาม เตียงสนาม ซึ่งรายการดังกล่าวในการตั้งงบฯ ปี 2565 ปรากฏอยู่น้อยมาก และถ้าจะให้บุคลากรทางการแพทย์ทำงานเชิงรุกต่อสู้กับโควิดให้เกิดประโยชน์มากที่สุด ใน พ.ร.บ.งบประมาณฉบับนี้ ควรมีโครงการ มีงบประมาณ หรือมีอุปกรณ์มากเพียงพอที่จะรับมือกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ และรายการที่ไม่เกี่ยวข้องหรือไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่กระทรวงสาธารณสุขตั้งมา ควรจะถูกปรับลดลงไป
เช่น โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ โครงการพัฒนาความปลอดภัยและการอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยว โครงการเสริมสร้างความรอบรู้วัยทำงานสุขภาพดี เป็นต้น ซึ่งรายการต่างๆ เหล่านี้ แม้จะได้ใช้จ่ายงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุขเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยว แต่ก็คงไม่มีนักท่องเที่ยวใดที่จะเข้ามาท่องเที่ยวในระยะนี้ และท่านนายกรัฐมนตรีเคยกล่าวว่าจะต้องเปิดประเทศให้ได้ใน 120 วัน แต่ถ้าท่านจะเปิดประเทศให้ได้ ท่านต้องจัดหาวัคซีนและกระจายวัคซีนให้เป็นธรรมเสียก่อน
เอกชัยได้ยกตัวอย่างประชากรของจังหวัดอุบลราชธานีที่มีจำนวน 1.8 ล้านคน ปัจจุบันได้รับวัคซีนเพียงแค่ 3 แสนกว่าคนเท่านั้น แตกต่างจากพี่น้องจังหวัดบุรีรัมย์ที่มีประชากรจำนวน 1.5 ล้านคน โชคดีมากที่ได้รับวัคซีนไปแล้ว 6 แสนกว่าคน ทั้งๆ ที่จังหวัดบุรีรัมย์ไม่ใช่พื้นที่ระบาด ไม่ใช่เมืองท่องเที่ยว เหตุใดจึงได้รับวัคซีนมากกว่าพื้นที่แพร่ระบาด หรือเป็นเพราะความใกล้ชิดกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI ได้เคยออกมาเตือนแล้วว่า การบริหารจัดการวัคซีนเช่นนี้ย่อมไม่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ใดๆ ในการต่อสู้กับโควิด แต่เป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำในการบริหารจัดการวัคซีน โดยขอยกกรณี เช่น คุณยายที่จังหวัดบุรีรัมย์ได้รับวัคซีน 2 เข็มภายในวันเดียวกัน, ตำรวจที่จังหวัดบุรีรัมย์ได้รับวัคซีนเข็ม 3 ทั้งที่บุคลากรด่านหน้าก็ยังไม่ได้สักเข็ม นอกจากวัคซีนคุณภาพที่เราได้น้อยแล้ว ยังซ้ำเติมด้วยความเหลื่อมล้ำของการกระจายวัคซีนอีก แล้วเราจะออกจากวิกฤตโควิดนี้ได้อย่างไร และล่าสุดชุดตรวจ Antigen Test Kit ที่มีข่าวว่า องค์การเภสัชกรรมสั่งซื้อ 8.5 ล้านชุด ไม่ผ่านมาตรฐาน อย.ของสหรัฐอเมริกา นั้นจริงหรือไม่ หรือคุณภาพของชุดตรวจโควิดไม่สำคัญเท่ากับเป็นบริษัทของไทยหรือเป็นพรรคพวกของใคร
เอกชัยกล่าวต่อไปว่า ตนขอเสนอตัดลดงบประมาณในครั้งนี้ไปเพิ่มให้กับบุคลากรทางการแพทย์, อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.), โรงพยาบาลสนาม ซึ่งหากสามารถปรับเปลี่ยนโครงการต่างๆ ที่ไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมาเป็นการจัดหาวัคซีนคุณภาพและการกระจายวัคซีนที่รวดเร็ว รวมถึงการตรวจเชิงรุกที่กว้างขวาง การจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม การดูแลครูผู้ปฏิบัติหน้าที่และผู้ป่วยได้ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมาก
ซึ่งภายหลังที่เอกชัยอภิปรายงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุขจบแล้ว สนอง เทพอักษรณรงค์ ส.ส. จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ลุกขึ้นประท้วงเอกชัยว่า ได้อภิปรายว่าผิดข้อบังคับการประชุมข้อที่ 69 เนื่องจากได้อภิปรายพาดพิงไปถึงจังหวัดบุรีรัมย์ จึงขอชี้แจงเพื่อไม่ให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า การทำงานทุกอย่างนั้นเราทำด้วยหลักฐานและความต้องการของประชาชน ซึ่งถ้าถามว่าทำไมจังหวัดบุรีรัมย์ได้รับวัคซีนเยอะ เรามีวิธีการบริหารจัดการโดยการประชุมร่วมกับส่วนราชการทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด, สาธารณสุขจังหวัด, ผู้อำนวยการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล และพี่น้อง อสม. เรามีการสำรวจความต้องการของพี่น้องประชาชนที่ต้องการฉีดวัคซีน ซึ่งเมื่อได้จำนวนความต้องการของพี่น้องประชาชนแล้วเราก็ดำเนินการเสนอมาตามขั้นตอน ไม่ใช่ว่าอยู่ๆ วัคซีนจะไปกองอยู่โดยที่ไม่มีเหตุผล มันไม่ใช่
สนองกล่าวต่อไปอีกว่า ส่วนกรณีที่ตำรวจทั้ง 11 นายได้รับวัคซีนเข็มที่ 3 นั้น ผู้บังคับการตำรวจได้ออกมาแจ้งแล้วว่า ตำรวจทั้ง 11 นายเป็นตำรวจจิตอาสา เป็นผู้ขับรถรับส่งผู้ป่วยโควิดตามโครงการรับคนบุรีรัมย์กลับคืนถิ่น เมื่อคนเขาอาสาอยู่กับผู้ป่วยอย่างนั้น หากไม่ให้เขาฉีด แล้วจะให้เขาทำอย่างไร ขณะที่ท่านยังเคยบอกเองว่า ขนาดสัปเหร่อยังจะต้องได้ เพราะฉะนั้นต้องเข้าใจให้ถูกต้อง ทำอย่างนี้คนที่เขามีใจเสียสละ มีจิตอาสา เขาจะเสียใจ และหากตัวท่านเองมีจิตอาสาไปขับรถรับส่งคนป่วย ตนก็จะขอให้ฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้ท่านเหมือนกัน
