วันนี้ (17 ตุลาคม) วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นชอบ พ.ร.ก. โอนอัตรากำลังพลและงบประมาณบางส่วนของกองทัพบก กองทัพไทย ไปเป็นของหน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์ ซึ่งเป็นส่วนราชการในพระองค์ พ.ศ. 2562 ซึ่งปรากฏว่ามีผู้ลงมติไม่เห็นชอบ 70 เสียง โดยมาจากพรรคอนาคตใหม่ว่าไม่มีปัญหา ไม่มีอะไรผิดปกติ
เรื่องนี้ตนเองไม่ถือว่าผิดปกติ การมีเสียงไม่เห็นด้วยเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อสภามีการลงมติก็ต้องมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย จึงไม่เห็นว่าเป็นความแปลกประหลาดอะไร และจะมาเรียกว่าเป็นอะไรเกี่ยวกับในวังคงจะไม่ใช่ เรื่องนี้เป็น พ.ร.ก. ของรัฐบาล อย่างที่ ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่พูดนั้นถูกต้อง รัฐบาลเป็นคนคิด เป็นคนเสนอ และรัฐบาลเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ เพราะฉะนั้นถ้า พ.ร.ก. ดังกล่าวไม่ผ่านความเห็นชอบของสภา รัฐบาลเป็นคนรับผิดชอบ ต้องลาออกหรือยุบสภา
ทั้งนี้การอภิปรายที่มีการพูดเฉี่ยวไปเฉี่ยวมา ผู้พูดต้องรับผิดชอบตัวเองใช่หรือไม่ วิษณุกล่าวว่าก็รับผิดชอบกันเอง ซึ่งหลายคนรู้สึกตกใจกับการอภิปรายของปิยบุตร ขณะที่วิษณุกล่าวว่าตนเองไม่ตกใจ
ส่วนกรณี สุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน ระบุว่ารัฐมนตรีที่เป็น ส.ส. จะลงมติร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ไม่ได้ วิษณุกล่าวว่ารัฐธรรมนูญ ปี 2560 เปลี่ยนการเขียนจากปี 2540 และ 2550 โดยสิ้นเชิง ซึ่ง ส.ส. สามารถเป็นรัฐมนตรีได้ และไม่ได้เขียนไว้ว่าจะลงมติในเรื่องที่มีผลประโยชน์ขัดกันไม่ได้ และเขียนอีกว่าตามมาตรา 163 รัฐมนตรีเข้าประชุมสภาได้ แต่ลงมติไม่ได้ ยกเว้นรัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.
“แต่หากใครเห็นว่าลงมติไม่ได้ก็แล้วแต่ ก็ว่าไป ไม่ต้องไปเถียงกัน แต่พอถึงเวลายกมือโหวตเขาก็ยกมือโหวตก่อน ใครเห็นว่าไม่ถูกต้องก็ไปร้องศาลเพื่อวินิจฉัยเป็นบรรทัดฐาน ไม่ต้องตกใจ ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น” วิษณุกล่าวในที่สุด
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์