วันนี้ (21กรกฎาคม) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งในช่วงหนึ่งได้กล่าวถึงกรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องมีโรงแรมในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ปรับราคาเพิ่มขึ้นจากปกติ ว่าได้สั่งการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาไปแล้วในที่ประชุม ครม. หากผู้ประกอบการรายใดที่ขึ้นบัญชีกับโครงการเราเที่ยวด้วยกันของรัฐบาลไว้แล้ว แต่กลับไปขึ้นราคามากกว่าที่ตกลงกันไว้แล้ว จะขึ้นบัญชีแบล็กลิสต์ไว้ทั้งหมด พร้อมกันนี้มีการผ่อนคลายให้มีโรงแรมเข้าร่วมอีกจำนวนหนึ่ง ย้ำว่าให้ความสำคัญกับโรงแรมขนาดเล็กด้วย อีกทั้งวันนี้มีการเพิ่มวงเงินจาก 600 เป็น 900 บาทด้วย ซึ่งบางคนก็มีเงินอยู่แล้ว บางคนก็นำเงินจากคูปองอาหารท่องเที่ยวมูลค่า 600-900 บาทต่อวันไปใช้จ่ายในการท่องเที่ยว
พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ใครที่ไปขึ้นราคาวันนี้ก็ต้องขึ้นแบล็กลิสต์แล้ว ขอให้ทุกคนช่วยกัน ผู้ประกอบการทุกคนต้องช่วยกัน ถ้าเราทำไม่ได้ก็ไม่ส่งผลดีกับโรงแรมของท่านเอง ตนต้องการให้มีการท่องเที่ยวในเมืองรองมากขึ้น มีการท่องเที่ยวในวันหยุดราชการมากขึ้น ก็ต้องไปจัดวงรอบในการไปเที่ยวกันให้ดี
ส่วนวันหยุดชดเชยสงกรานต์ที่เหลืออีก 2 วัน จะหาดูช่วงเวลาที่เหมาะสมที่ติดกับวันหยุดสุดสัปดาห์ให้ธุรกิจเดินหน้าไปด้วยดี
ขณะที่ ลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าความคืบหน้าการเปิดรับลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการเที่ยวปันสุขในส่วนของแพ็กเกจเราเที่ยวด้วยกัน ผ่านเว็บไซต์ www.เราเที่ยวด้วยกัน.com มีผู้มาลงทะเบียนแล้ว 4.26 ล้านคน ในจำนวนดังกล่าวมีผู้ลงทะเบียนสำเร็จแล้ว 4.03 ล้านคน และอยู่ระหว่างทยอยแจ้งผลทางข้อความ (SMS) อย่างต่อเนื่อง
แต่พบว่ามีผู้ลงทะเบียนเข้ามาไม่สำเร็จ 2.2 แสนคน ซึ่งในกรณีนี้สามารถลงทะเบียนใหม่ได้จนกว่าจะสำเร็จ ส่วนการเปิดให้ใช้สิทธิ์จองโรงแรมจำนวน 5 ล้านห้องต่อคืน ขณะนี้ยอดลงทะเบียนจองสิทธิ์โรงแรมอัปเดตแบบทันที (เรียลไทม์) ผ่านหน้าเว็บไซต์เราเที่ยวด้วยกันล่าสุดตัวเลขอยู่ที่ 116,817 ห้องต่อคืน มีผู้ประกอบการเข้าร่วมโครงการรวม 34,434 แห่ง แบ่งเป็นโรงแรม 5,713 ราย ร้านอาหาร 27,593 ร้าน และสถานที่ท่องเที่ยว 1,128 แห่ง โดยผู้ประกอบการยังสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้อย่างต่อเนื่อง
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์