คณะผู้พิพากษาศาลฎีกาของฮ่องกงมีคำตัดสินในวันนี้ (18 พฤศจิกายน) ให้กฎหมายห้ามการสวมหน้ากากเข้าร่วมชุมนุมประท้วงในที่สาธารณะของรัฐบาลไม่เป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฮ่องกง เนื่องจากไม่สอดคล้องกับหลักกฎหมายที่กำหนดขอบเขตการให้อำนาจผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง ในการออกกฎหมายในยามเกิดเหตุอันตรายต่อสาธารณชน
คำตัดสินดังกล่าวมีขึ้นหลังกลุ่มสนับสนุนประชาธิปไตย ยื่นคำร้องคัดค้านกฎหมาย 2 ฉบับ ที่ทำให้มาตรการห้ามกลุ่มผู้ประท้วงสวมหน้ากาก มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลอ้างอิงกฎหมายสถานการณ์ฉุกเฉิน ในยุคที่ฮ่องกงยังตกอยู่ใต้อาณานิคมอังกฤษ และไม่มีการใช้มากว่า 50 ปี ขณะที่ศาลมีคำตัดสิน ก่อนที่ 2 ผู้ประท้วงที่ถูกจับกุมฐานละเมิดกฎหมายห้ามสวมหน้ากาก จะเข้ารับฟังการไต่สวนที่ศาลในช่วงบ่ายวันนี้ (18 พฤศจิกายน)
ก่อนหน้านี้กลุ่มสนับสนุนประชาธิปไตยโต้แย้งว่า การออกกฎหมายดังกล่าวเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตและขัดต่อหลักการพื้นฐานด้านเสรีภาพ ขณะที่ เล่ง ก็อกฮัง อดีต ส.ส. ฮ่องกง หนึ่งในผู้ยื่นคัดค้าน กล่าวโจมตี แคร์รี ลัม ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง ว่าใช้อำนาจในทางมิชอบในการเสนอกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งทำให้เชื้อไฟแห่งความขัดแย้งลุกลามมากขึ้น
“ผมจะไม่แสดงความเห็นว่าผมชนะหรือรัฐบาลพ่ายแพ้ สิ่งที่อยู่ในใจผมทั้งหมดคือประชาชนที่กำลังถูกล้อมด้วยตำรวจ” เล่งกล่าว
เนื้อหาส่วนหนึ่งจากคำพิพากษาของศาลจำนวน 106 หน้า ระบุว่า การที่กฎหมายดังกล่าวให้อำนาจตำรวจในการสั่งให้หญิงหรือชายถอดหน้ากากในที่สาธารณะนั้นไม่สมเหตุสมผล และเป็นการให้อำนาจที่กว้างเกินไป
“แทบไม่มีข้อจำกัดต่อสถานการณ์ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถใช้อำนาจภายใต้มาตรากฎหมายดังกล่าว” ส่วนหนึ่งของคำพิพากษาระบุ
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมารัฐบาลฮ่องกงโต้แย้งว่า ไม่มีหลักกฎหมายที่ห้ามสมาชิกสภานิติบัญญัติให้อำนาจผู้บริหารฮ่องกงออกกฎหมายในช่วงเวลาที่เกิดเหตุฉุกเฉินและเป็นอันตรายต่อสาธารณชน พร้อมยืนยันว่า กฎหมายห้ามสวมหน้ากากดังกล่าวนั้นมีประโยชน์
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล
อ้างอิง: