ราคาบ้าน ในฮ่องกงส่อร่วงลง 10% ในช่วงครึ่งหลังของปี หลังจากสองธนาคารใหญ่อย่าง HSBC และ Standard Chartered ปรับขึ้นดอกเบี้ยสินเชื่อที่อยู่อาศัยขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับจากปี 2008
ตลาดที่อยู่อาศัยในฮ่องกงกำลังเข้าสู่ภาวะซบเซาหลังจากธนาคารกลางของฮ่องกงปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ไปแล้วถึง 4 ครั้ง โดยนักวิเคราะห์ของ Bloomberg Intelligence ประเมินว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นอาจทำให้ราคาบ้านในฮ่องกงปรับลดลงอีก 5-10% ในช่วงครึ่งปีหลัง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- UBS เลิกจ้างนายแบงก์ในฮ่องกง เซ่นวิกฤตอสังหาจีน กดรายได้ฝั่งวาณิชธนกิจหายไป 57% ในไตรมาส 2
- เกิดอะไรขึ้นกับ ‘ฮ่องกง’ ทำไมสถานะ ‘ศูนย์กลางทางการเงินของเอเชีย’ กำลังถูกสั่นคลอน
- หุ้น IPO ที่เคยพุ่ง 32,000% ถูกตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับของฮ่องกงอย่างเข้มข้น
หากนับจากต้นปีที่ผ่านมา ราคาที่อยู่อาศัยในฮ่องกงได้ปรับลดลงไปแล้วกว่า 4% จากต้นทุนการกู้ยืมที่แพงขึ้น ประกอบกับปัจจัยอื่นๆ เช่น การอพยพย้ายถิ่นฐานครั้งใหญ่ของประชากรฮ่องกงจากปัญหาความตึงเครียดทางการเมืองและการใช้มาตรการควบคุมโควิดที่เข้มงวดในช่วงก่อนหน้านี้
ปัจจุบัน HSBC ครองส่วนแบ่งการตลาดของสินเชื่อที่อยู่อาศัยทั้งในกลุ่มบ้านใหม่และบ้านเก่าในฮ่องกงไว้มากกว่า 20% โดยล่าสุด HSBC ได้ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% ทำให้ผู้ที่กู้ซื้อบ้านราคา 5 ล้านดอลลาร์ฮ่องกงเป็นระยะเวลา 30 ปี จะมีภาระการผ่อนต่อเดือนสูงขึ้นเป็น 1,324 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือเพิ่มขึ้น 6.7% และคาดว่าธนาคารท้องถิ่นแห่งอื่นๆ จะปรับขึ้นดอกเบี้ยตามในเร็วๆ นี้
ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ธนาคารกลางฮ่องกงได้มีการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายขึ้นถึง 0.75% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ฮ่องกงถูกตรึงมูลค่าไว้กับดอลลาร์สหรัฐ ทำให้การดำเนินนโยบายการเงินต้องเป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ข้อมูลจาก Ricacorp Properties ระบุว่า 6.5% ของบ้านเก่าที่มีการซื้อขายในฮ่องกงในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาถูกขายในราคาขาดทุน โดยบริษัทคาดว่าดอกเบี้ยที่ยังมีแนวโน้มว่าจะปรับขึ้นได้อีกจะยิ่งทำให้สถานการณ์ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ของฮ่องกงเลวร้ายยิ่งขึ้น
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP