อาร์ม ตั้งนิรันดร อาจารย์คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อดีตผู้อำนวยการศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์ไทย-จีน ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ THE STANDARD NOW เมื่อวานนี้ (12 มีนาคม) หลังจากที่การประชุมสภาประชาชนแห่งชาติ (NPC) ครั้งที่ 13 สมาชิกสภานิติบัญญัติของจีนผ่านมติรับรองการตัดสินใจยกเครื่องระบบเลือกตั้งของเขตบริหารพิเศษฮ่องกง
อาร์ม มองว่า การแก้ไขกฎหมายการเลือกตั้งของฮ่องกงในครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ฮ่องกงกลับคืนสู่จีนแผ่นดินใหญ่ในปี 1997 โดยจีนใช้หลักการ ‘คนรักชาติ’ ต้องเป็นคนบริหารฮ่องกง ไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารเขตฮ่องกง และสภานิติบัญญัติฮ่องกง คนที่จะเข้าไปดำรงตำแหน่งต้องไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลจีน ซึ่งจะมีกระบวนการและกรรมการที่เป็นผู้ตรวจสอบคุณสมบัติ
“ครั้งนี้เรียกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ และจะส่งผลกระทบทั้งปฏิกิริยาของประเทศต่างๆ และนัยต่ออนาคตของฮ่องกงด้วย”
อาร์ม ยังชี้ถึงการเป็นประเทศมหาอำนาจของจีนควบคู่กับสหรัฐฯ ในปี 2028 หรือปี 2030 ที่จะมีการแข่งขันกัน ไม่มีใครขึ้นมาเป็นประเทศมหาอำนาจแทนใคร และโลกจะต้องอยู่กับการแข่งขันกันระหว่างสองประเทศมหาอำนาจอาจจะถึง 40 ปี ที่มีความท้าทายและตึงเครียด
ดังนั้นการเดินหน้าของไทยในการรักษาความสัมพันธ์กับจีนก็ควรมองภาพรวมให้ใหญ่ขึ้น ต้องมีการเดินหน้าโดยมีการรักษาสมดุลทั้งจีนและสหรัฐฯ โดยคำว่า ‘สมดุล’ มีทั้งรักษาสมดุลเชิงรับ คือไม่เน้นการพูดคุยกับทั้งสองฝ่าย และรักษาสมดุลเชิงรุก คือ การพูดคุยที่เน้นผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง
“ผมคิดว่าไม่ว่าจะเป็นประเทศหรือธุรกิจ ถ้ามีมายด์เซ็ตที่เหมาะสม เพียงแต่ว่าต้องอาศัยความเข้าใจทั้งอำนาจต่อรองของเรา จุดยืนในการเจรจาของเรา ผลประโยชน์ของเรา ในโลกภูมิรัฐศาสตร์ที่เปลี่ยนไปอย่างนี้ ผมคิดว่าจะเป็นโลกที่มีโอกาสมหาศาลสำหรับคนที่เล่นเกมเชิงภูมิรัฐศาสตร์เป็น”
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์