ในปัจจุบันตลาดทุนได้ปรับตัวขึ้นตามแนวโน้มกำไรของบริษัทที่สูงขึ้น แต่หากประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจทำให้สถานการณ์ในตอนนี้กลับพลิกผันได้
แม้ว่าตลาดต่างคาดหวังว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลงภายในปีนี้ แต่นั่นอาจไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับรายได้ของบริษัท เพราะโดยทั่วไปแล้วธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อเศรษฐกิจกำลังเข้าสู่ภาวะถดถอย ซึ่งเป็นสิ่งที่นักวิเคราะห์ดูเหมือนจะคาดไม่ถึง ในสหรัฐฯ หลายคนเชื่อว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อและระดับราคาฝั่งผู้ผลิตมีแนวโน้มลดลงเป็นวงกว้าง
Andrew Lapthorne นักกลยุทธ์ด้านการวิเคราะห์เชิงปริมาณ (Quantitative) จาก Société Générale กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่ผลกำไรและอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงจะมีความสอดคล้องกัน การประมาณการกำไรในปัจจุบันสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่สดใสมากเกินไป ซึ่งอาจเป็นความสงบก่อนเกิดพายุก็เป็นได้
ขณะที่ข้อมูลจาก Bloomberg สะท้อนว่า การลดดอกเบี้ยของ Fed ในอดีต 2 ครั้งที่ผ่านมาเกิดขึ้นในช่วงปี 2007-2008 และปี 2019-2020 ซึ่งตามมาด้วยการหดตัวลงของการคาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียน
ทั้งนี้ ตลอดทั้งปี 2023 ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นโลกพุ่งทะยานอย่างต่อเนื่อง โดยพุ่งขึ้นถึง 16% ได้แรงหนุนจากการคาดการณ์กำไรที่เพิ่มขึ้น ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับใกล้จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่นักวิเคราะห์ต่างเพิ่มการคาดการณ์กำไรขึ้นอย่างต่อเนื่อง
Gerry Fowler นักยุทธศาสตร์ของ UBS Group AG ระบุว่า ตลาดกำลังได้รับประโยชน์จากอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าคาด ทำให้มูลค่าพันธบัตรและหุ้นขยายตัวได้ ขณะที่ Kyle Rodda นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของ Capital.com เชื่อว่า ทิศทางตลาดยังค่อนข้างไปในทางที่ดี โดยคาดว่าผลตอบแทนล่วงหน้า 12 เดือนของดัชนี MSCI World จะอยู่ที่ 10% ในปีนี้ และเติบโตขึ้นอีกกว่า 8% ในปี 2025 ตามข้อมูลของ Bloomberg
จนถึงตอนนี้ ความคาดหวัง Soft Landing ยังคงสดใส เนื่องจากตลาดงานในสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง และประชาชนยังใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง บริษัทต่างๆ จึงถูกคาดหวังว่าจะยังคงรักษาการเติบโตของรายได้ที่แข็งแกร่งไว้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคเทคโนโลยี
“อุปสรรคต่อการเติบโตของกำไรของบริษัทค่อนข้างจะถูกมองข้าม เรายังคงคิดว่าเงินเฟ้อและ GDP ที่อ่อนตัวลงทำให้อัตรากำไรมีความเสี่ยงว่าจะลดลง” Fowler กล่าว
อ้างอิง: