หลังจากเพิ่งจบภารกิจในการสร้างและพัฒนาเกม Death Stranding และรอคอยให้เหล่าเกมเมอร์ช่วยกันสร้างและขยายจักรวาล ‘นักส่งของ’ ต่อไป ฮิเดโอะ โคจิมะ Game Director ชื่อดัง ได้โพสต์ข้อความบน Twitter (ที่เขาเพิ่งได้รับการบันทึกว่าเป็นนักพัฒนาเกมที่มีผู้ติดตามบนโลกโซเชียลมากที่สุดจาก Guinness Book) จนแฟนๆ ตีความกันไปใหญ่ว่าโปรเจกต์ต่อไปอาจจะเป็นเกมแนว ‘สยองขวัญ’ เหมือนที่เขาเคยคิดจะสร้างมาก่อนหน้านี้
ย้อนไปเมื่อปี 2012 โคจิมะเคยทำโปรเจกต์เกม P.T. หรือ Silent Hill ฉบับ ฮิเดโอะ โคจิมะ แต่เนื่องจากติดภารกิจพัฒนาเกม Metal Gear Solid V: The Phantom Pain และปัญหาที่เขาลาออกจาก Konami บริษัทต้นสังกัดเก่า ทำให้ความฝันของเหล่าเกมเมอร์ที่จะได้เห็นโลกสุดสยองจากจินตนาการของเขาต้องจบลงอย่างน่าเสียดาย
“เพื่อสร้างเกมสยองขวัญที่น่ากลัวที่สุด ผมต้องดูหนังแนวนี้เพื่อปลุกวิญญาณแห่งความสยองขวัญขึ้นมา ผมเลือกเช่าหนังไทยเรื่อง The Eye ที่น่ากลัวตั้งแต่ปกซีดีมาดู แต่กลายเป็นว่ามันน่ากลัวจนผมไม่สามารถดูให้จบได้ ผมจะสามารถดูหนังเรื่องนี้จบได้หรือเปล่า”
เชื่อว่าไม่ใช่แค่โคจิมะคนเดียวที่รู้สึกแบบนั้น เพราะทันที่ที่หนังเรื่อง The Eye คนเห็นผี ของผู้กำกับสองพี่น้อง แดนนี และ ออกไซด์ แปง เข้าฉายในปี 2002 ก็ได้ปลุกกระแสความน่ากลัวของหนังผีที่หายไปจากวงการหนังไทยให้กลับมาอีกครั้ง
โดยเล่าเรื่องของหญิงสาวที่ตาบอดตั้งแต่อายุ 2 ขวบ กระทั่ง 18 ปีต่อมาเธอเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนตาจนมองเห็นได้อีกครั้ง แต่สิ่งที่เธอมองเห็นนั้นมีมากกว่าภาพปกติ เพราะเธอสามารถมองเห็นในทุกๆ สิ่งที่อาศัยอยู่รอบตัว โดยที่คนทั่วไปไม่เคยรู้มาก่อน และกลายเป็นจุดเริ่มต้นที่พาคนดูไปสำรวจ ‘โลก’ อีกใบหนึ่ง ที่อยู่ใกล้เราชนิดหายใจร่วมกัน เพียงแค่เราไม่เคยเห็นพวกเขามาก่อนเท่านั้นเอง
คอนเซปต์ The Eye นั้นแสนเรียบง่าย มีจุดเด่นของหนังอยู่ที่การไม่ต้องทำหนังผีที่มีเรื่องราวผิดพิสดาร แต่นำเสนอ ‘ผี’ ในฐานะ ตัวละคนธรรมดา ที่มีหัวใจ มีความรู้สึก มีเรื่องราวไม่ต่างจากคนทั่วไป เพียงแต่ไม่เคยมีใครรับฟังพวกเขาเท่านั้นเอง
ทำให้ในหนังเต็มไปด้วยฉากสยองขวัญสุดคลาสสิก ที่แม้เวลาจะผ่านไปแล้ว 17 ปี แต่ภาพของคุณลุงที่อยู่ในลิฟต์, เด็กชายที่ออกตามมาสมุดพก, ประโยคสั้นๆ ที่ทรงพลัง แย่งที่นั่งฉันทำไม, ฉากที่ทำให้คนดูมองเห็น ‘หมูแดง’ ด้วยความรู้สึกอีกแบบ รวมทั้งตอนจบที่รำลึกถึงเหตุการณ์สุดเศร้าในประวัติศาสตร์ และอีกมากมายที่ยังเด่นชัดในความทรงจำอยู่จนถึงทุกวันนี้
ถ้าฟังจากบทสัมภาษณ์เก่าๆ ที่โคจิมะเคยบอกเอาไว้ว่า ชีวิตของเขาประกอบด้วยหนังมากถึง 70% เคยบอกไว้ว่าผลงานต่อไปของเขาอาจมีการเล่าเรื่องเหมือนคล้าย ‘หนัง’ มากกว่าเกม รวมกับการสร้างเรื่องการเดินทางใน Death Stranding ที่มีคัตซีนเยอะเหมือนดูหนังเรื่องหนึ่ง
ก็นับว่าเป็นเรื่องน่าสนใจและตื่นเต้นเหมือนกัน ถ้าโคจิมะจะลองปัดฝุ่นโปรเจกต์เก่า และสร้างเกมสยองขวัญขึ้นมาในวันที่เทคโนโลยีพัฒนามารองรับจินตนาการของเขามากถึงขนาดนี้แล้ว
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: