‘Hey Jude’ กระหึ่มเบร์นาเบว เบลลิงแฮม ราชาคนใหม่ของราชันชุดขาวเรื่อง: เมธา พันธุ์วราทร

เกมแรกของซานติอาโกเบร์นาเบวโฉมใหม่ที่มีมูลค่า 1 พันล้านยูโร เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นเกมที่ยิ่งใหญ่หรือคลาสสิกอะไรนัก

‘ราชันชุดขาว’ ตกเป็นฝ่ายตามหลังเกตาเฟ ทีมรองบ่อนไปก่อน หลังทีมเยือนได้ประตูขึ้นนำในนาทีที่ 11 จาก บอร์ฮา มายอราล และต้องใช้ความพยายามอย่างหนักในการที่จะหาทางกลับมาสู่เกมให้ได้ ซึ่งที่สุดแล้วก็สามารถทำประตูตีเสมอได้สำเร็จในช่วงต้นครึ่งหลังจากโฮเซลู

แต่หลังจากนั้นเกตาเฟเหมือนเป็นกำแพงลายทางน้ำเงิน-ขาว ที่ไม่ยอมให้เรอัล มาดริด ผ่านได้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม

ในช่วงโมงยามของความท้อแท้ ฮีโร่ของชาวมาดริดิสตาก็มาทันเวลาพอดี

เขาคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นฮีโร่ที่กอบกู้สถานการณ์ให้ทีมมาแล้วนักต่อนักอย่าง จูด เบลลิงแฮม ที่ทำประตูแซงนำ 2-1 ให้เรอัล มาดริด ได้ในนาทีที่ 94 ของการแข่งขัน

ไอ้หนุ่มจากเมืองผู้ดีเดินไปฉลองประตูกับแฟนบอลของเขาด้วยการกางแขนออก ราวกับจะบอกทุกคนว่า เขานี่แหละคือ ‘ราชา’ ของทีมแห่งราชัน

แล้วเสียงเพลง Hey Jude ก็ดังขึ้นเป็นการรับรองพิธีการสถาปนาจากกองเชียร์ในเบร์นาเบว

“เขาไม่ใช่คนธรรมดา” คาร์โล อันเชล็อตติ กล่าวถึงลูกทีมคนใหม่ที่กลายเป็นซูเปอร์แมนของทีมไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

การได้ตัวกองกลางวัย 20 ปีรายนี้มา ถือเป็นเรื่องที่โชคดีอย่างยิ่งสำหรับมาดริด

เพราะเบลลิงแฮมมีความฝันอยากจะเล่นในชุดเสื้อสีขาวมาตลอด ไม่ว่าเขาจะมีข่าวเชื่อมโยงกับกี่สโมสรก็ตาม เบร์นาเบวคือปลายทางที่เขาต้องการจะมาเสมอ

จนที่สุดแล้ว กองกลางที่ว่ากันว่าเป็นเพชรเม็ดงามที่สุดของวงการฟุตบอลอังกฤษในยุคสมัยนี้ก็ย้ายมาจากโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ สมความตั้งใจ โดยไม่มีปัญหาอะไรให้วุ่นวาย ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น เหมือนทุกย่างก้าวของชีวิตที่พ่อและเขาลิขิตชะตาตัวเองไว้แล้ว

เรอัล มาดริด จ่ายเงิน 115 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นสถิติใหม่ของสโมสรให้กับทีมจากเยอรมนี เป็นค่าตอบแทนที่เลี้ยงดูฟูมฟักเบลลิงแฮมมาให้เป็นอย่างดี เพียงแต่เวสต์ฟาเลนสเตเดียม มันเล็กเกินไปแล้วในความรู้สึกของเขา

ที่ผ่านมามีนักฟุตบอลจากเกาะอังกฤษย้ายมาสวมชุดขาวแล้วหลายคน และแน่นอนว่าเกือบทั้งหมดล้วนเป็นนักเตะในระดับท็อปสุดของประเทศ

หากไม่นับ ลอรี คันนิงแฮม ที่ถือเป็นความล้มเหลวแล้ว เกือบทุกคนถือว่าประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็น สตีฟ แม็คมานามาน ปีกลอยลมจากลิเวอร์พูล, เดวิด เบ็คแฮม มิดฟิลด์ที่มีเท้าชั่งทองในยุคกลาคติกอส และ แกเร็ธ เบล นักเตะชาวเวลส์ที่ว่ากันว่าเก่งที่สุดในรอบหลายทศวรรษ

แต่ในจำนวนนี้ไม่เคยมีใครที่ได้รับการยอมรับในระดับสูงสุดมาก่อน

แม็คมานามานไม่สามารถเทียบได้กับ หลุยส์ ฟิโก ขณะที่เบ็คแฮมก็เป็นแค่ตัวละครหนึ่งใต้เงาของ ซีเนดีน ซีดาน, ฟิโก และโรนัลโด

เบลยิ่งแล้วใหญ่ เขาไม่เคยเข้ากับใครได้เลยในมาดริด ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนนักฟุตบอลหรือแฟนบอล โดยที่เจ้าตัวก็ใช่จะสนใจด้วย

แต่เบลลิงแฮมนั้นไม่ใช่ เขาแตกต่างจากทุกคนที่กล่าวมา เพราะนับตั้งแต่วันแรกที่มาถึง เด็กหนุ่มมหัศจรรย์คนนี้ก็แสดงให้เห็นว่า เขาพร้อมสำหรับการเล่นในชุดของ ‘โลส บลังโกส’

ความห้าวหาญของเขาเริ่มตั้งแต่การขอเลือกเสื้อหมายเลข 5 ซึ่งเป็นหมายเลขประจำตัวของ ซีเนดีน ซีดาน ราชันตลอดกาลของเบร์นาเบว

ทั้งๆ ที่ในวันที่ซีดานยิงลูกคลาสสิกในนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในเกมกับไบเออร์ เลเวอร์คูเซน เขายังไม่เกิดด้วยซ้ำไป

การเลือกเบอร์เสื้อของซีดานทำให้สื่อพยายามหยิบยกเปรียบเทียบเขากับอัครศิลปินลูกหนังชาวฝรั่งเศส เพียงแต่ถึงจะเกิดไม่ทันก็ไม่ใช่ปัญหาแต่อย่างใด เพราะบนโลกนี้มีสิ่งที่เรียกว่า YouTube อยู่ และมันทำให้เขาสามารถศึกษาการเล่นของอดีตนักเตะหมายเลขหนึ่งของโลกได้อย่างง่ายดาย

และซีดาน – คนที่เบลลิงแฮมไม่กล้าคุยด้วยหลังจบเกมนัดชิงชนะเลิศที่มาดริดเอาชนะลิเวอร์พูลได้ในปี 2022 – ก็มีอิทธิพลอย่างมากในการตัดสินใจเลือกที่หมายปลายทางต่อไปของเขาต่อจากดอร์ทมุนด์

เรอัล มาดริด คือทีมเดียวเท่านั้นที่เขาต้องการ

ผ่านมาจนถึงวันที่ได้ชูเสื้อทีมเป็นครั้งแรก เขาได้ถ่ายภาพร่วมกับครอบครัวคือ คุณพ่อมาร์ก, คุณแม่เดนิส และโจบ น้องชายที่ได้ย้ายไปอยู่กับซันเดอร์แลนด์เมื่อไม่นานมานี้ และเป็นวันที่เขาบอกว่า “นี่คือวันที่ดีที่สุดในชีวิตของผม”

แต่มันเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น นักฟุตบอลมากมายที่ไปไม่รอดเมื่อมาอยู่ในทีมอย่างมาดริด ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการให้เกิดขึ้น

ดังนั้นหลังได้เข้ามาอยู่ในทีม เขาพยายามปรับตัวเข้ากับทีมได้อย่างรวดเร็วจนน่าประหลาดใจ

ในขณะที่ทุกคนคิดว่าเบลลิงแฮมจะเข้ามาเบียดตำแหน่งจาก โทนี โครส และ ลูกา โมดริช สิ่งที่ไอ้หนุ่มคนนี้ทำคือ การขอฝากตัวเป็นศิษย์ เพราะรู้ว่าเขาจะได้วิชาจากสองกองกลางที่เก่งกาจที่สุดของยุคสมัย

เช่นเดียวกับการสร้างความสนิทสนมกับ วินิซิอุส จูเนียร์ นักเตะหมายเลขหนึ่งของทีมหลังจากที่ คาริม เบนเซมา อำลาไปแล้ว ซึ่งความสัมพันธ์อันดีย่อมหมายถึงโอกาสที่ทั้งคู่จะช่วยเหลือเกื้อกูลกันไม่ว่าจะในหรือนอกสนาม

เบลลิงแฮมยังพยายามที่จะปรับตัวให้เร็วที่สุด เริ่มตั้งแต่การหาบ้านพักได้อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะรีบเข้าคอร์สเรียนภาษาสเปนแบบเร่งด่วน เพราะรู้ว่ายิ่งเขาเข้าใจภาษาได้เร็วขึ้นเท่าไร นั่นหมายถึงโอกาสที่จะประสบความสำเร็จจะมีมากขึ้นเท่านั้น

แต่สิ่งสำคัญที่สุดของนักฟุตบอล อย่างไรเสียย่อมเป็นการทำผลงานในสนาม และคู่แข่งที่เอาชนะได้ยากที่สุดไม่ใช่ทีมอื่น แต่เป็นหัวใจของชาวมาดริดิสตาด้วยกันเอง

ตรงนี้เองที่เขาทำได้ดีที่สุด

ในเกมลาลีกานัดแรก เขาช่วยทำประตูให้มาดริดบุกไปเอาชนะแอธเลติก บิลเบา ได้ 2-0 ที่ซานมาเมส

ไฮไลต์นั้นไม่ได้อยู่แค่ประตู แต่เป็นการไปฉลองประตูอย่างสะใจต่อหน้าแฟนๆ บิลเบา ซึ่งทำเอาวินิซิอุสชอบใจจนทำตามด้วย และความห้าวของเขาก็เป็นการยิงขึ้นนำ 1-0 ในเกม กับแฟนเรอัล มาดริด เองที่ชอบใจกับลูกบ้าของนักเตะที่ดูเหมือนน่าจะเงียบขรึม

เขายังเลือกที่จะสื่อสารกับทุกคนด้วยตัวเองผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย โดยไม่ได้ใช้เอเจนซีในการดูแลแต่อย่างใด เพราะเชื่อว่ามันเป็นวิธีที่ดีกว่า ดังนั้นในโซเชียลมีเดียเราจะเห็นเบลลิงแฮมรีโพสต์ (รีทวีต) คลิปหรือภาพ พร้อมกับแสดงความเห็นในแบบที่เป็นตัวของตัวเอง

มันเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันและกันให้แน่นแฟ้นขึ้น

และเขาก็ทำทุกอย่างดีขึ้นเรื่อยๆ ด้วยการทำ 2 ประตูในเกมกับอัลเมเรีย ต่อด้วยอีก 1 ประตูในเกมกับเซลตา บีโก ในบทบาท ‘หมายเลข 10’ ขยับขึ้นมาทำเกมรุกให้มากขึ้น เพราะวินิซิอุสบาดเจ็บหนัก และทีมต้องการคนที่สามารถช่วยทำประตูได้

ก่อนจะมาถึงประตูชัยในเกมกับเกตาเฟที่เบลลิงแฮมบอกว่า มันทำให้เขาขนลุกเมื่อ Hey Jude ดังกระหึ่ม

“ผมไม่เคยได้ยินเสียงที่ดังขนาดนี้มาก่อน ขาของผมสั่นไปหมดแล้ว” เบลลิงแฮมที่แสดงให้เห็นถึงความเป็นนักสู้ที่ไม่ยอมถอย ไม่ว่าจะโดนเกตาเฟเตะร่วงสักกี่ครั้งในเกมก็ตาม บอกหลังพาทีมคว้าชัยชนะนัดสำคัญได้

แฟนๆ มาดริดตั้งสมญาให้เขาว่า ‘เอล เจเฟ’ หรือ ‘บอส’ ของทีม

แต่เหนือกว่านั้นคือ ทุกคนได้ตกหลุมรักเบลลิงแฮม ไอ้หนุ่มชาวอังกฤษที่เหมือนเกิดและโตที่นี่ บ้านเดียวกันกับพวกเขา และรับเข้าเป็นส่วนหนึ่งของหัวใจไปเป็นที่เรียบร้อย

อ้างอิง: