ยอดขายของ Hermès ในไตรมาสแรกของปี 2021 เพิ่มขึ้นสูงถึงเกือบ 44% ในอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2020 ผลมาจากยอดขายในเอเชียที่ดีเกินคาด
สินค้าของแบรนด์ Hermès ยังคงเป็นสิ่งที่น่าลงทุน และเป็นที่สุดของความปรารถนาของลูกค้าทั่วโลก เห็นได้จากรายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่ 1 ประจำปี 2021 ที่เพียงแค่ 3 เดือนแรกยอดขายก็เพิ่มขึ้น 43.7% ในอัตราแลกเปลี่ยนแบบคงที่ จากปี 2020 หรือในช่วงที่โรคโควิด-19 เพิ่งเริ่มระบาด คิดเป็นมูลค่ารวมแล้ว 2,083 ล้านยูโร หรือ 78,754 ล้านบาท ซึ่งสินค้าขายดีสามอันดับแรกยังคงเป็นเครื่องหนัง เสื้อผ้า Ready-to-Wear และผ้าไหม
หากดูเป็นภูมิภาคเห็นได้ชัดว่าสัดส่วนของยอดขายทวีปเอเชีย (ไม่รวมประเทศญี่ปุ่น) เพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งมีการเติบโตถึง 93.6% จากไตรมาสแรกของปี 2020 โดยเฉพาะในประเทศจีนที่เศรษฐกิจเริ่มพื้นตัวก่อนใคร และลูกค้าออกมาจับจ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีน ตามมาด้วยยอดขายที่ทรงตัวของทั้ง เกาหลีใต้ ไทย สิงคโปร์ และออสเตรเลีย
ต่อด้วยประเทศญี่ปุ่นที่เป็นหนึ่งในตลาดที่เหนียวแน่นไม่แพ้จีน ก็เพิ่มขึ้น 20% ผลมาจากการเปิดร้านสาขาใหม่ในย่านโอโมเตะซันโดของกรุงโตเกียว ส่วนทวีปอื่นๆ ก็เริ่มกลับมาส่งสัญญาณที่ดีในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว โดยเพิ่มขึ้น 23% ในไตรมาสนี้ ส่วนยุโรปและฝรั่งเศสเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 4.4%
อักเซล ดูมา ซีอีโอของ Hermès กล่าวในเอกสารรายงานผลประกอบการว่า “ผมอยากจะขอบคุณพนักงานของเรา เป็นเวลาหนึ่งปีเต็มกับการแสดงความกล้าหาญและความมุ่งมั่นอย่างไม่ย่อท้อ ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนแบบนี้ การเติบโตของยอดขายที่ดีนี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความแข็งแกร่งของงานศิลปะที่ยั่งยืนของเรา และความต้องการสินค้าจากลูกค้าของเราทั่วโลก”
ผลประกอบการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ ของแบรนด์แฟชั่นและเครื่องหนังสุดหรูนี้ ยังส่งผลดีต่อพนักงานในบริษัทเช่นเดียวกัน เพราะเมื่อเดือนกุมภาพันธ์มีรายงานว่า ทางแบรนด์ เตรียมแจกโบนัสให้พนักงานจำนวนกว่า 16,000 คนทั่วโลก อย่างต่ำคนละ 1,250 ยูโร หรือราว 45,000 บาท หลังยอดขายไตรมาสสุดท้ายของปี 2020 เพิ่มขึ้น 15.6% คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 2,100 ล้านยูโร หรือราว 76,000 ล้านบาท
ภาพ: Jaap Arriens/NurPhoto via Getty Images
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง: