ตั้งแต่ห้างสรรพสินค้า ICONSIAM เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ภูมิทัศน์ของแบรนด์ระดับลักชัวรีในประเทศไทยก็ถือได้ว่ายกระดับไปอีกขั้น พร้อมหลายแบรนด์มหาอำนาจของวงการแฟชั่นเลือกเปิดร้านแฟลกชิปสโตร์ที่จะเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของนักช้อป และเป็นการประกาศจุดยืนในอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยแบรนด์ Hermès ที่เข้ามาในตลาดบ้านเราตั้งแต่ 21 ปีก่อน ก็ได้เปิดร้านตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเชื่อได้ว่าหากใครล่องเรือผ่านก็ต้องเห็นเด่นชัดมาแต่ไกล โดยเฉพาะช่วงกลางคืนที่สง่างาม
สำหรับร้าน Hermès ที่ ICONSIAM มีขนาด 2 ชั้น รวมพื้นที่ 368 ตารางเมตร ซึ่งออกแบบโดยบริษัท RDAI จากกรุงปารีส ภายใต้การควบคุมของ Denis Montel ผู้อยู่เบื้องหลังการดีไซน์ร้าน Hermès ทั้งหมดกว่า 308 สาขาทั่วโลก อาทิ ที่ เบเวอร์รี ฮิลล์, เซี่ยงไฮ้, โคเปนเฮเกน และนิวยอร์ก โดยบริษัท RDAI ยังเคยดีไซน์ร้านค้าในพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์, โรงแรม Al Shaqab ในเมืองโดฮค, คอนโดฯ สุดหรู Eighty Seven Park ติดหาดไมอามี และพิพิธภัณฑ์ Museo de Arte de Lima ในเมืองลิมา ประเทศเปรู อีกด้วย
ทันทีที่แขกมาเยือนร้านก็จะพบกับโลโก้ ex-libris จากปี 1946 อันเป็นเอกลักษณ์ของร้าน Hermès และสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของร้านผ่านพื้นหินขัดสีชาและน้ำตาลเทาฝังด้วยไวต์สโตน ซึ่งดูเรียบง่ายสะอาดตา ส่วนภายในตกแต่งด้วยโคมไฟ Grecques Lights ที่ถูกออกแบบขึ้นตั้งแต่ปี 1925 ที่เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของแบรนด์
ในร้านจะรวบรวมสินค้าเกือบทุกประเภทของ Hermes ที่แบ่งแยกออกเป็นโซนต่างๆ ทั้งผ้าพันคอซิลก์ น้ำหอม เครื่องประดับแฟชั่น สินค้าเครื่องหนัง เครื่องแต่งกายของบุรุษและสตรี นาฬิกา เครื่องประดับจิวเวลรี สินค้าในกลุ่ม Equestrian ซึ่งเกี่ยวข้องกับม้า อันเป็นต้นกำเนิดของแบรนด์ และที่พิเศษคือมีไอเท็มของตกแต่งบ้านที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในประเทศไทยอีกด้วย
มากไปกว่านั้น เพื่อเป็นการฉลองร้านใหม่นี้ ทาง Hermès ยังมีสองไอเท็มพิเศษที่ออกแบบขึ้นมาโดยเฉพาะผ่านสัญลักษณ์ของมวยไทย ได้แก่ กระเป๋าอเนกประสงค์ Kit Bag ที่สร้างสรรค์ขึ้นจาก H Canvas และ Swift Calfskin และก็มีถุงมือชกมวยหนัง โดยทั้งสองได้นำลวดลาย Calfskin Badge และ Tiger Head ที่เคยออกแบบและวาดด้วยมือ โดยนักธรรมชาติวิทยาชาวฝรั่งเศส Robert Dallet มาใช้
Hermès ก่อตั้งโดย เทียรี แอร์เมส ในปี 1837 ณ กรุงปารีส แบรนด์เริ่มจากการผลิตเครื่องเทียมม้าและอานม้า ก่อนที่จะขยายตัวทำสินค้าตั้งแต่เสื้อผ้ายันของตกแต่งบ้าน ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังเป็นธุรกิจภายในครอบครัวและควบคุมโดยซีอีโอ อัคเซล ดูมาส ที่เป็นทายาทรุ่นที่ 6 ของตระกูล Hermès โดยรายได้รวมของแบรนด์ครึ่งปีแรก (2018) ก็ขึ้นมา 11% ด้วยเงินรวม 2,853 พันล้านยูโร ส่วนกำไรก็ขึ้นมา 17% ด้วยเงินรวม 708 ล้านยูโร ซึ่งทวีปเอเชีย (ที่ไม่รวมญี่ปุ่น) ก็เติบโตสูงสุด 15% จากฐานคนซื้อประเทศจีนแผ่นดินใหญ่
ภาพ: Courtesy of Hermès
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า
อ้างอิง: