(15 ม.ค. 2561) ประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า ในวันที่ 10 ก.พ. 2561 สภาเกษตรกรแห่งชาติมอบให้สภาเกษตรกรจังหวัดสกลนคร ลงพื้นที่พูดคุยและคัดเลือกเกษตรกรที่มีคุณภาพร่วมทำโครงการปลูกกัญชา ภายใช้พื้นที่นำร่อง 5,000 ไร่ ในพื้นที่จังหวัดสกลนคร เขตพื้นที่ทหาร
โดยการสำรวจพื้นที่เพาะปลูกเกิดภายหลังนำคณะเข้าพบนายศิรินทร์ยา สิทธิชัย เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) และผู้บริหารระดับสูงเข้าหารือกับกระทรวงสาธารณสุข พบว่ากระทรวงสาธารณสุขได้ออกกฎกระทรวง การขออนุญาตและการอนุญาตผลิต จำหน่าย นำเข้า ส่งออกหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 4 หรือในประเภท 5 ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2560 โดยรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข สามารถอนุญาตให้มีการเพาะปลูกพืชกัญชาเพื่อสกัดเป็นยารักษาโรคในพื้นที่ที่รัฐมนตรีกำหนด โดยมีความเห็นร่วมกันว่าพื้นที่กำหนดพื้นที่แรกคือ จ.สกลนคร เพราะเป็นต้นน้ำ แม่น้ำสงคราม เทือกเขาภูพานเป็นแหล่งกำเนิดพันธุ์พืชกัญชาที่ดีที่สุดในอดีต เบื้องต้นจะเริ่มนำร่องในเขตพื้นที่ทหารก่อน
สำหรับกฎกระทรวงดังกล่าว มีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 360 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยบัญญัติชนิดพืชสารเสพติดที่อนุญาตให้ปลูกอย่างเป็นทางการว่า ‘เฮมพ์’ (Hemp) หมายความว่า พืชซึ่งมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Cannabis sativa L.subsp. sativa อันเป็นชนิดย่อยของพืชกัญชา (Cannabis sativa L.) ที่มีปริมาณสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydrocannabinol, THC) ไม่เกินร้อยละ 1.0 ต่อน้ําหนักแห้ง ซึ่งตรวจวิเคราะห์ตามหลักเกณฑ์ และวิธีการที่คณะกรรมการประกาศกําหนด
สามารถขออนุญาตปลูกเฮมพ์ได้ ทั้งเพื่อใช้ประโยชน์ในครัวเรือน อุตสาหกรรม และการวิจัย แต่การขออนุญาตต้องผ่านคณะกรรมการและเสนอให้รัฐมนตรีสาธารณสุขอนุมัติเป็นรายๆ ไป
อีกทั้งภายในระยะเวลา 3 ปีนับแต่วันที่กฎกระทรวงนี้ใช้บังคับ ให้เฉพาะหน่วยงานของรัฐ เป็นผู้ขออนุญาตผลิต จําหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองเฮมพ์เท่านั้น
ขณะที่ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เบื้องต้นในเรื่องของกัญชานั้น เท่าที่ทราบขณะนี้ยังเป็นการนำมาใช้เพื่อการวิจัยเกี่ยวกับยารักษาโรคเท่านั้น ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขต้องมีการศึกษาในรายละเอียดให้ชัดเจนอีกครั้ง เนื่องจากกัญชายังถือเป็นยาเสพติด ส่วนเรื่องพื้นที่การปลูกกัญชาตนยังไม่ทราบรายละเอียด เพราะกระทรวงจะดูแค่เรื่องการทำวิจัยทางยาเท่านั้น
อ้างอิง: ข่าวสดออนไลน์