ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ของสหรัฐฯ ระบุว่า คำทำนายเมื่อ 8 ปีก่อนที่ว่า เงินหยวน จะอ่อนค่าครั้งใหญ่ อาจกำลังเกิดขึ้นตอนนี้ ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ชะลอตัว วิกฤตด้านอสังหาริมทรัพย์ และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางจีน อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์หลายคนยังเชื่อว่าทางการจีนจะสามารถรักษาเสถียรภาพไว้ได้
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2014 เควิน สมิธ ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Crescat Capital บริษัทจัดการสินทรัพย์ระดับโลกในสหรัฐฯ เคยเดิมพันว่าเงินหยวนจะประสบกับการอ่อนค่าครั้งใหญ่จนทำให้มูลค่าลดลงครึ่งหนึ่ง โดยล่าสุดเขาได้กล่าวว่า ตอนนี้อาจเป็นช่วงเวลาดังกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- เงินเฟ้อจีนชะลอตัวในเดือน ส.ค. เปิดทางให้ธนาคารกลางใช้นโยบายแบบผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น
- เงินหยวน ทำสถิติอ่อนค่าเข้าใกล้ระดับสูงสุดเมื่อเทียบเป็นรายปี นักวิเคราะห์คาด อีกไม่นานทะลุระดับ 7 หยวนต่อดอลลาร์
- 10 อันดับ สกุลเงินเอเชีย ที่อ่อนค่าสูงสุดนับจากต้นปี 2565
ปัจจุบันตลาดที่อยู่อาศัยของจีนซึ่งเคยเฟื่องฟูกำลังประสบกับวิกฤต ขณะที่เศรษฐกิจก็มีแนวโน้มหดตัวภายใต้มาตรการล็อคดาวน์ นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีน (PBOC) ยังได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยสวนทางกับธนาคารกลางทั่วโลกที่ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ทำให้นักลงทุนมีแรงจูงใจในการโยกย้ายเงินทุนออกนอกประเทศจีนมากขึ้น
ปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีส่วนทำให้เงินหยวนอ่อนค่าลงมากกว่า 8% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ นับเป็นการอ่อนค่าครั้งใหญ่ที่สุดในรอบปี นับตั้งแต่ปี 1994 อย่างไรก็ตาม สมิธเตือนว่าอาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
สมิธระบุอีกว่า จีนกำลังเผชิญกับวิกฤตทางการเงิน ซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นวิกฤตที่ร้ายแรงกว่าวิกฤตการเงินโลกที่เกิดในสหรัฐฯ มาก ในมุมมองของผู้เล่นตลาดแลกเปลี่ยนสกุลเงิน
คำเตือนการล่มสลายของเงินหยวนไม่ใช่เรื่องใหม่
โดยตลอดหลายปีมานี้นักลงทุนหลายคนเตือนว่าธนาคารต่างๆ ในจีนให้กู้ยืมเงินมากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่าการให้กู้ยืมครั้งใหญ่นี้จะนำไปสู่การปล่อยสินเชื่อไร้คุณภาพจำนวนมาก จนทำให้ทางการจีนต้องพิมพ์เงินให้ธนาคารต่างๆ จนนำไปสู่การอ่อนค่าของเงินหยวน
นักเศรษฐศาสตร์จำนวนมากยังเชื่อมั่นการรักษาเสถียรภาพของจีน
อย่างไรก็ตาม สมิธนับเป็นผู้เชี่ยวชาญเพียงไม่กี่คนที่เดิมพันว่าเงินหยวนของจีนจะล่มสลาย โดยนักเศรษฐศาสตร์ของ UBS Group นำโดย หวังเถา ระบุในรายงานเมื่อเดือนก่อนว่า เงินออมขนาดใหญ่ในจีน การชำระเงินดาวน์ที่อยู่อาศัยในระดับสูง และการควบคุมระบบธนาคารอย่างเข้มแข็งของรัฐบาลจีน น่าจะทำให้ประเทศหลีกเลี่ยงปัญหาหนี้ทั่วไปหรือวิกฤตทางการเงินได้
นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินหยวนในปีนี้ยังเป็นผลมาจากการแข็งค่าของดอลลาร์สหรัฐมากกว่าการอ่อนค่าด้วยตัวเองของเงินหยวน เนื่องจากการเกินดุลการค้ามากเป็นประวัติการณ์ช่วยชดเชยการไหลออกของเงินทุนได้
โดยตามการสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์ของ Bloomberg ประเมินว่า เงินหยวนจะทรงตัวอยู่ที่ประมาณ 6.9 หยวนต่อดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ ความเชื่อมั่นของสมิธที่ว่าเงินหยวนจะล่มสลาย ตั้งแต่ 8 ปีก่อน ช่วยให้กองทุนได้กำไรเพิ่มขึ้น 16% เมื่อเงินหยวนของจีนอ่อนค่าในปี 2015
โดยในปีนี้ความเชื่อมั่นดังกล่าวมีส่วนทำให้กองทุนได้กำไรเพิ่มขึ้น 38% ตลอดเดือนสิงหาคม ควบคู่ไปกับการเดิมพันว่า หุ้นที่มีมูลค่าตลาดใหญ่และมีการเติบโตสูง รวมถึงหุ้นที่มีตำแหน่งระยะยาวในภาคพลังงานจะอยู่ในช่วงขาลง
อ้างอิง: