หมายเหตุ: บทความนี้มีการเปิดเผยเนื้อหาสำคัญของซีรีส์ Heartstopper: Season 2
หลังจากที่ผู้ชมได้อมยิ้มไปกับความสัมพันธ์แสนน่ารักของ Charlie และ Nick จนชุ่มฉ่ำกันถ้วนหน้าแล้ว ล่าสุดพวกเขาได้กลับมามอบความอบอุ่นในหัวใจให้ทุกคนอีกครั้งผ่าน Heartstopper: Season 2 ซีรีส์โรแมนติก LGBTQIA+ ที่เปิดตัวได้อย่างทรงพลัง กระทั่งติดอันดับซีรีส์ยอดนิยมใน 54 ประเทศทั่วโลก ทำให้ Netflix ยอมไฟเขียวอนุมัติให้สร้างซีซัน 3 ต่อ ซึ่งการคัมแบ็กในครั้งนี้ยังได้ Alice Oseman เจ้าของนิยายต้นฉบับมาเขียนบทซีรีส์ให้เหมือนเคย
Heartstopper: Season 2 ดำเนินเรื่องราวต่อจากซีซันที่แล้ว หลังจากที่ Nick Nelson (รับบทโดย Kit Connor) ค้นพบหัวใจตัวเองว่ารู้สึกหวั่นไหวไปกับ Charlie Spring (รับบทโดย Joe Locke) กระทั่งทั้งคู่เลือกที่จะคบหากัน ก่อนจะยอมเปิดเผยเรื่องความสัมพันธ์นี้กับ Sarah (รับบทโดย Olivia Colman) แม่ของเขา พร้อมกับเพื่อนบางกลุ่มของ Charlie
และแม้ว่า Nick จะตกลงปลงใจเป็นแฟนหนุ่มกับ Charlie แล้ว แต่เขายังติดหล่มอยู่กับปัญหาที่อยากข้ามผ่านเรื่องเปิดเผยอัตลักษณ์ทางเพศและเพศวิถีของตนเองให้คนอื่นๆ ได้ทราบ เพราะสภาพแวดล้อมต่างๆ และหลายปัจจัยไม่เอื้ออำนวยให้ Nick ปลดปล่อยความเป็นตัวเองได้อย่างง่ายดาย เขาจึงต้องใช้เวลากับมันอีกสักหน่อย โดยมี Charlie ที่เคยผ่านประสบการณ์การถูกบูลลี่หลังเปิดตัวว่าเป็นเกย์ อยู่ให้กำลังใจไปด้วยกัน
มากไปกว่านั้น ยังมีเรื่องราวของ Tao Xu (รับบทโดย William Gao) และ Elle Argent (รับบทโดย Yasmin Finney) สองเพื่อนซี้ที่สุดท้ายแล้วกลับหันมาชอบพอกันเอง ในครั้งนี้ Tao ตัดสินใจที่จะลุยกับความรักครั้งนี้ด้วยการยอมเปลี่ยนแปลงตัวเอง พยายามหนีความกลัวในใจทั้งหมดเพื่อจีบ Elle แบบเต็มพิกัด ขณะที่คู่ของ Tara Jones (รับบทโดย Corinna Brown) และ Darcy Olsson (รับบทโดย Kizzy Edgell) ที่เปิดเผยกันตั้งแต่แรกว่าพวกเธอคือเลสเบี้ยน ก็เริ่มตกอยู่ในสภาวะระหองระแหงขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ซึ่งความว้าวุ่นใจของเหล่าเด็กมัธยมฯ ใน Heartstopper: Season 2 กำลังจะถูกคลี่คลายมากขึ้น จากการที่โรงเรียน Truham ได้พาพวกเขาไปทัศนศึกษาถึงเมืองปารีส ประเทศฝรั่งเศส หลังเสร็จสิ้นการสอบ GCSE
ในฐานะที่ผู้เขียนติดตามมาตั้งแต่ซีซันแรก พบว่าการกลับมาในครั้งนี้ ทุกตัวละครล้วนเปิดเผยอารมณ์และความคิดของตัวเองกันมากกว่าเดิม การเติบโตของ Nick ที่มีปัญหาเรื่องความกล้าในการเปิดเผยอัตลักษณ์ทางเพศและเพศวิถีของตนให้คนอื่นรู้ จึงเปรียบเสมือนกับการเล่นเกมในด่านถัดไปที่ยากขึ้น
แน่นอนว่าประเด็นการ Coming Out ในซีซันนี้ยังคงดำเนินต่อไป และทวีผลกระทบต่อความรู้สึกเป็นอย่างมาก ทุกคนไม่ได้พร้อมจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตัวเองกับสาธารณชน ผนวกกับเหตุการณ์ในซีรีส์เรื่องนี้ที่ทุกอย่างเกิดขึ้นช่วงไฮสคูล วัยหัวเลี้ยวหัวต่อของทุกคนจึงอยู่ในสถานะ ‘เปราะบาง’ มากขึ้นเป็นพิเศษ บางคนอาจต้องแลกมากับการถูกกลั่นแกล้งและเหยียดหยาม เหมือนกับที่ Charlie เคยพบเจอมา จนสิ่งนั้นส่งผลให้เขามีพฤติกรรมการกินอาหารที่ผิดปกติ เพราะประสบการณ์ทุกอย่างที่เลวร้าย ล้วนสัมพันธ์กับสภาวะทางจิตใจทั้งสิ้น
ด้วยเหตุผลหลักนี้ จึงทำให้คนดูจะไม่รู้สึกแปลกใจ หากสเต็ปของการปลดปล่อยความเป็นไบเซ็กชวลของ Nick นั้นเป็นไปได้อย่างยากลำบาก และนอกจาก Nick ที่จะมีปัญหากับเรื่องนี้แล้ว ตัวละคร Darcy ที่มีปัญหากับคุณแม่หัวโบราณของเธอก็น่าจะต้องพบเจอกับความขัดแย้งดังกล่าวในซีซันต่อไป ซึ่งกรณีแตกหักของ Darcy ในตอนท้ายที่ออกมาฟาดฟันกับแม่ของเธอ ก็ทำให้เราได้เห็นถึงความขัดแย้งที่ชัดเจนมากใน Heartstopper: Season 2 เกี่ยวกับประเด็น ‘ครอบครัว’
หากใครที่รับชมแล้ว จะเห็นได้ทันทีว่าทุกตัวละครล้วนมีปัญหาร่วมกัน โดยเฉพาะกับ ‘ผู้ปกครอง’ ของพวกเขา นับตั้งแต่ Nick ที่ห่างเหินกับพ่อ กระทั่งได้พบกันอีกครั้ง แต่พวกเขาก็อึดอัดราวกับเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน อีกทั้งยังมักจะถูกพี่ชายแสนห่วยแตกอย่าง David คอยเย้ยหยันในเรื่องส่วนตัวอยู่บ่อยครั้ง เศษซากของความเละเทะนี้ค่อยๆ กัดกินหัวใจของ Nick ไปทีละนิด เพียงแต่ว่าเขายังโชคดีที่มีแม่ผู้เข้าใจคอยอยู่เคียงข้างอย่างเปิดกว้าง
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องราวที่ลึกซึ้งของหนุ่มแสนประหม่าอย่าง Tao Xu ที่กลัวว่าตัวเองจะทำความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนสนิทพังลง หากได้บอกรักเข้าสักวัน ความวิตกกังวลนี้ดันเกิดมาจากวัยเด็กของเขาที่สูญเสียพ่อไปเหมือนกับ Yan Xu (รับบทโดย Momo Yeung) แม่หม้ายที่เคยเสียศูนย์อยู่พักหนึ่ง หรือแม้กระทั่ง Darcy ผู้ที่มีแม่เจ้าระเบียบและปิดกั้นลูกสาวแทบจะทุกอย่าง เหตุนี้จึงทำให้เธอไม่ยอมปริปากบอกแฟนสาวยามมีปัญหาใดๆ เกิดขึ้น นั่นก็เป็นเพราะครอบครัวของ Darcy ไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัยสำหรับเธอตั้งแต่แรก
อนุมานได้ว่า ‘ครอบครัว’ คือหนึ่งองค์ประกอบสำคัญในภาพยนตร์หรือซีรีส์แนว Coming of Age ตำแหน่งนี้คือปัจจัยหลักที่ทำให้ตัวละครนั้นๆ ถูกหล่อหลอมต่อไปให้เป็นคนในทิศทางนั้นๆ ตามสภาพการณ์ หากครอบครัวดี ตัวละครจะมีทัศนคติที่ดีอย่างเป็นธรรมชาติ แต่ถ้าหากเกิดปัญหาภายในที่ร้าวรานมากๆ ผลกระทบก็จะส่งต่อไปยังตัวละครนั้น จนก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่างตามมา
ไม่เพียงจะเล่าแต่ Conflict ที่เข้มข้นขึ้น ในส่วนเรื่องแง่มุมความรักของ Heartstopper: Season 2 เองก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าปัญหาแสนยุ่งเหยิงทั้งหมดเช่นเดียวกัน ภายในซีซันนี้เราจะได้เห็นถึงเลิฟไลน์หลายคู่ที่กว้างและลงลึกขึ้น นอกจาก Nick & Charlie และ Tao & Elle ที่ไปกันรอดในความสัมพันธ์แล้ว ในเรื่องยังมีตัวละครสมทบเพิ่มมาสร้างสีสันอีก เช่น อาจารย์ Ajayi (รับบทโดย Fisayo Akinade) ที่ตกหลุมรักกับคุณครูตัวตึงสุดเฮี้ยบอย่าง Farouk (รับบทโดย Nima Taleghani)
หรือจะเป็นแง่มุมความหลากหลายทางเพศผ่านพาร์ตของ Isaac Henderson (รับบทโดย Tobie Donovan) เกี่ยวกับประเด็น Asexual ซึ่งที่ผ่านมาเรามักจะเห็นเขาอยู่กับหนังสือตลอดเวลา ในซีซันนี้ Isaac ค้นพบว่าเขาเป็น Asexual ที่ไม่ได้ฝักใฝ่ทางเพศเหมือนใครๆ หลังจากที่ James McEwan (รับบทโดย Bradley Riches) ยอมเผยความรู้สึกดีๆ ให้ หากแต่อีกฝ่ายกลับไม่ได้สนใจกลับในแบบที่ทุกคนคาดหวังให้เป็น และจุดนี้เองที่ทำให้ผู้เขียนมองว่า Heartstopper: Season 2 ยังคงทำหน้าที่ได้ดีในการเล่าเรื่องราวเหล่านี้
การที่ทุกตัวละครภายในเรื่องได้ออกมาทัศนศึกษานอกรั้วโรงเรียน ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่ทำให้พวกเขาได้ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศชวนผ่อนคลาย จนสามารถปลดเปลื้องบางอย่างภายในจิตใจได้ง่ายดายขึ้น โลเคชันที่ปารีสจึงเปรียบเสมือนกับเส้นทางใหม่สำหรับการผจญภัยในหัวใจตัวเอง
ผนวกกับความอบอุ่นที่ ‘กลุ่มเพื่อน’ ภายในเรื่องมีสิ่งนี้ให้กันอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าใครจะพบเจอกับปัญหาใดๆ มาก็ตาม แต่สุดท้ายแล้วทุกคนจะหันมาปกป้อง เยียวยากันและกันแบบกลมเกลียว ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ Heartstopper: Season 2 เป็นซีรีส์อีกเรื่องที่เราดูแล้วกำลังถูกโอบกอดอยู่ไปพร้อมๆ กับพวกเขาเหล่านี้
ขณะที่องค์ประกอบด้านศิลป์ในซีซันนี้ก็ยังคงทำตามในมาตรฐานดีงามอยู่เหมือนเคย ไม่ว่าจะเป็นกราฟิกน่ารักๆ ที่คอยอธิบายมู้ดแอนด์โทนของตัวละครในแต่ละสถานการณ์ ทำให้ผู้ชมเข้าใจกลิ่นอายต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย งานภาพอันอบอุ่น และ Score เพราะๆ จาก Adiescar Chase ที่อยู่ผลิตเสียงอันเป็นเอกลักษณ์ของ Heartstopper มาให้ตั้งแต่ซีซันแรก
จากภาพรวมของ Heartstopper: Season 2 ทำให้สรุปได้ว่า ทุกอย่างของซีซันนี้ล้วนเต็มไปด้วยแง่มุมใหม่ๆ ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องต่อจากเดิมที่มีชั้นเชิงขึ้น มิติของตัวละคร หรือบรรยากาศสดใหม่ ซีรีส์เรื่องนี้ยังคงเป็น Session สำหรับการเปิดใจและมอบพลังอบอุ่นให้กับคนดูอย่างเราเสมอ สำหรับใครที่สนใจอยากลองสัมผัสกับโลกแห่งความน่ารักจนหัวใจหยุดเต้นบ้าง สามารถรับชมกันได้แล้วทางสตรีมมิง Netflix
ภาพ: Netflix