วันนี้ (25 กรกฎาคม) ชัยชนะ เดชเดโช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เดินทางลงพื้นที่จังหวัดศรีสะเกษ เพื่อติดตามสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิต 8 ราย และมีผู้บาดเจ็บจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ปั๊มน้ำมัน บ้านผือ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บสูงที่สุด
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้เข้ารับฟังรายงานสถานการณ์ที่โรงพยาบาลศรีสะเกษ โดยได้รับทราบถึงความเสียหายและการกระทบต่อระบบสาธารณสุขในพื้นที่ รวมถึงการเร่งอพยพผู้ป่วย 144 ราย จากโรงพยาบาลกันทรลักษ์และโรงพยาบาลภูสิงห์ ไปยังโรงพยาบาลในอำเภอใกล้เคียง เพื่อความปลอดภัยและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน
ข้อมูลล่าสุดเมื่อคืนวันที่ 24 กรกฎาคม ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ปะทะในจังหวัดศรีสะเกษรวม 8 ราย เป็นพลเรือนทั้งหมด โดยมีเด็กและเยาวชนรวม 3 ราย ยอดผู้บาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดใน 3 เขตสุขภาพ (อุบลราชธานี, ศรีสะเกษ, สุรินทร์, บุรีรัมย์) มียอดพลเรือน รวม 45 ราย
โรงพยาบาลในพื้นที่อย่างโรงพยาบาลกันทรลักษ์ และโรงพยาบาลภูสิงห์ ได้รับผลกระทบโดยตรง ทำให้ต้องมีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วย 144 ราย ไปยังโรงพยาบาลเบญจลักษ์, โรงพยาบาลโนนคูณ, โรงพยาบาลศรีรัตนะ และโรงพยาบาลศรีสะเกษ จังหวัดศรีสะเกษ ยืนยันว่า มีรถพยาบาล ALS 98 คัน, BLS 60 คัน และ FR 40 คัน พร้อมปฏิบัติการ รวมถึงมีการระดมทีมแพทย์ฉุกเฉินเพิ่มเติมจากมูลนิธิต่างๆ คลังโลหิตจังหวัดศรีสะเกษมีเลือดสำรองเพียงพอใช้งานได้ประมาณ 6 วัน และยา-เวชภัณฑ์ต่างๆ ก็มีปริมาณเพียงพอรับมือสถานการณ์
ในด้านการรองรับผู้ประสบภัย จังหวัดศรีสะเกษได้จัดตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราว 149 จุดทั่วจังหวัด รองรับผู้อพยพได้กว่า 93,434 คน และขณะนี้มีผู้อพยพเข้าพักพิงแล้ว 16,999 คน นอกจากนี้ ทีมดูแลเยียวยาจิตใจ (MCATT) ได้ลงพื้นที่ประเมินสุขภาพจิตและให้ความช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน (EOC) วิกฤตสุขภาพจิต และสื่อสารช่องทางการประเมินสุขภาพจิตออนไลน์เพื่อการเข้าถึงบริการที่ง่ายขึ้น
ภายหลังรับฟังรายงาน ชัยชนะได้เดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์โจมตีของฝ่ายกัมพูชาที่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศรีสะเกษจำนวน 9 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มี 1 ราย ที่แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วในวันนี้
ชัยชนะได้ชื่นชมหน่วยงานทุกภาคส่วนที่กำลังทำงานร่วมกันอย่างเต็มที่ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์และให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ชายแดนจังหวัดศรีสะเกษอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณทีมแพทย์และบุคลากรสาธารณสุขทุกคนที่เสียสละแรงกายปฏิบัติงานสาธารณสุขในพื้นที่ยามวิกฤติเช่นนี้ แทนคนไทยทุกคน
