ตลาดอาหารเสริมเพื่อสุขภาพและความงามของไทยกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยมีปัจจัยหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค ซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของโควิด
เมื่อบุคคลหันมาใส่ใจในสุขภาพมากขึ้น พวกเขาก็เริ่มลงทุนในผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีมากขึ้น จากรายงานของ Kantar พบว่าการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ไม่เพียงสังเกตได้จากผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังรวมถึงมูลค่าตลาดโดยรวมด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
- ‘ศรีจันทร์’ ก้าวข้ามเครื่องสำอางสู่อุตสาหกรรมสุขภาพ ประเดิมเปิดตัวด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับนักกีฬาและผู้สูงอายุ
- โควิดทำพฤติกรรมคนไทยเปลี่ยน การซื้อวิตามิน-สินค้าบำรุง ไม่ใช่เพื่อ ‘รักษา’ แต่ต้อง ‘ป้องกัน’ ก่อนที่การป่วยจะเกิดขึ้น
- ชิ้นที่ 2 ราคา 1 บาท ได้ผล! ‘Watsons’ เล็งจัดถี่ขึ้น พร้อมดันลูกค้าขึ้นระดับอีลิท เพราะจ่ายมากกว่าลูกค้าทั่วไป 4.9 เท่า
รายงานเรื่อง Health is Wealth: Thailand’s Supplement Market in 2023 เผยให้เห็นว่า ผู้ประกอบการหน้าใหม่รวมถึงบริษัท OEM ต่างๆ ที่เข้ามาเป็นผู้เล่นในตลาดเองมากขึ้นเรื่อยๆ เหตุผลหลักสำหรับความสนใจนี้คือต้นทุนการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับการเข้าสู่ตลาดต่ำ และขั้นตอนการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจที่ค่อนข้างง่าย ส่งผลให้ปัจจุบันผู้บริโภคมีตัวเลือกผลิตภัณฑ์ในตลาดอาหารเสริมเพื่อสุขภาพและความงามมากขึ้น
ในขณะที่ประเทศไทยเปลี่ยนจากการล็อกดาวน์ไปสู่วิถีชีวิตปกติมากขึ้น ผู้คนก็เริ่มออกไปนอกบ้านบ่อยขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้มีอิทธิพลต่อประเภทของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ผู้บริโภคกำลังเลือก ก่อนเกิดโรคระบาด การมุ่งเน้นอาจแตกต่างออกไป แต่ตอนนี้ผู้บริโภคกำลังให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันและส่งเสริมคุณภาพชีวิตโดยรวม
ขณะที่ผลิตภัณฑ์ที่เน้นการดูแลผิวมีบทบาทรองลงมา นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในการซื้ออาหารเสริมที่ช่วยจัดการน้ำหนักและมีปริมาณโปรตีนที่สูงขึ้นด้วย
เพื่อทำความเข้าใจว่าผู้บริโภคเหล่านี้คือใคร รายงานของ Kantar ระบุว่า มูลค่าตลาดส่วนใหญ่ 33% มาจากผู้บริโภคที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ผู้บริโภคเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ในครัวเรือนที่ไม่มีเด็กเล็ก
กล่าวคือ สมาชิกในครอบครัวที่อายุน้อยที่สุดคือ 13 ปีขึ้นไป รายงานยังเปิดเผยว่าผู้บริโภคหลักคือบุคคลที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไป อย่างไรก็ตาม กลุ่มอายุ 50 ปีขึ้นไปมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเพิ่มขึ้น 60% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
แนวโน้มของตลาดแตกต่างกันไปในแต่ละภูมิภาคของประเทศไทย แม้ว่าตลาดจะดูเฟื่องฟูในทุกพื้นที่ ยกเว้นภาคใต้ที่การซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารลดลงอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับสภาวะในกรุงเทพฯ และปริมณฑลอย่างสิ้นเชิง ภูมิภาคเหล่านี้มีการซื้อผลิตภัณฑ์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อไปในอนาคต ในขณะเดียวกันการเติบโตของตลาดภาคเหนือดูเหมือนจะชะลอตัวลง
บรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์มีบทบาทสำคัญในความต้องการของผู้บริโภค โดยบรรจุภัณฑ์แบบซองขนาดเล็ก ราคาไม่แพง และง่ายต่อการบริโภค ได้รับความนิยมอย่างมาก ในแง่ของสูตรอาหารเสริม ผลิตภัณฑ์แบบผง ดูเหมือนจะชนะการแข่งขัน โดยครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุด เนื่องจากสามารถผสมกับอาหารเสริมใดๆ ได้ง่าย และสะดวกสำหรับการบริโภคเพียงครั้งเดียว
นอกจากนี้ ยาเม็ดและแคปซูลยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสะดวกทั้งการบริโภค การเก็บรักษา และการพกพา อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารชนิดน้ำยังไม่ค่อยนิยมมากนักในตลาดไทย เนื่องจากมีอายุการเก็บรักษาที่จำกัด ยากต่อการบริโภคขณะอยู่นอกบ้าน และมีต้นทุนการผลิตที่สูงกว่า
