จากตอนนั้นที่ HBO Max ถูกเปิดตัวในฐานะแอปสตรีมมิงที่เป็นบ้านของเนื้อหาทุกอย่างที่ HBO, DC, Warner Bros. ผลิตออกมา พร้อมเนื้อหาอื่นๆ มากมายที่ให้เด็กๆ สามารถดูได้ แต่อยู่ดีๆ แอปสตรีมมิงเหมือนจะแตกต่างออกไปเล็กน้อย
มีหลายเหตุผลที่ทำให้บริษัทยกเลิกรายการอย่าง Generation, Infinity Train, Vinyl และ The Not Too Late Show with Elmo โดยสามารถแยกออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ การลดต้นทุน การเปลี่ยนแปลงโดยรวมด้านกลยุทธ์ของเนื้อหา และการกำจัดเนื้อหาและบริการที่สมาชิกไม่ได้รับชม
บริการสตรีมมิงยังคงต้องจ่ายเงินส่วนที่เหลือให้กับนักแสดงและทีมงานด้านโปรดักชัน ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านั้นยังกองอยู่เป็นภูเขา โดยจากแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับการตัดสินใจของบริษัทกล่าวว่า HBO Max จะลดต้นทุนได้มากกว่า 100 ล้านดอลลาร์ต่อปี หลังยกเลิกรายการทั้งหลาย
“การเก็บรายการไว้บนแพลตฟอร์มนั้นมีค่าใช้จ่าย” จูเลีย อเล็กซานเดอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ของ Parrot Analytics บอกกับ CNN Business “ชื่อพวกนั้นให้คุณค่ากับแพลตฟอร์มมากกว่าราคาที่ต้องจ่ายหรือไม่ และถ้าคำตอบของคุณคือ ‘ไม่’ ยิ่งถ้าชื่อเหล่านั้นไม่ดัง การนำออกจะมีผลดีต่อผลกำไรของบริษัทมากกว่า”
เดวิด ซาสลาฟ ซีอีโอคนใหม่ของ Warner Bros. Discovery โฟกัสการทำรายได้ไปที่วิธีดั้งเดิม อย่างรายได้จากโฆษณาทางทีวี ค่าธรรมเนียมสายเคเบิล และยอดรวมบ็อกซ์ออฟฟิศ รวมถึงยอดการสตรีม ซึ่งสวนทางกับซีอีโอคนก่อนอย่าง เจสัน คิลาร์ ที่เดิมพันอนาคตไว้กับวงการแอปสตรีมมิง
“มันไม่ใช่เรื่องว่าใครผิดใครถูก มันเป็นเรื่องของการจัดลำดับความสำคัญ” อเล็กซานเดอร์กล่าว “อนาคตของวงการสตรีมมิงยังไม่ถูกกำหนด แต่โดยพื้นฐานแล้วทุกอย่างกำลังมุ่งหน้าไปทางนั้น”
เธอกล่าวว่า ‘ทางเลือกของผู้บริโภค’ จะเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจว่าอนาคตของวงการสตรีมมิงจะเป็นเช่นไร รวมถึงอนาคตของ HBO Max และกล่าวเสริมว่า “ลูกค้าคือพระเจ้า และมันเป็นอย่างนั้นเสมอมา”
ภาพ: Filip Radwanski/SOPA Images/LightRocket via Getty Images
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP