Hashdex บริษัทจัดการสินทรัพย์คริปโต ได้ยื่นคำขอต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ของสหรัฐอเมริกา ในการจัดตั้งกองทุนสปอตบิทคอยน์ ETF แต่บริษัทจะใช้กลยุทธ์เฉพาะที่แตกต่างจากเดิม โดยละทิ้งข้อตกลงการแบ่งปันการเฝ้าระวังของ Coinbase หรือที่เรียกว่า Coinbase Surveillance Sharing Agreement
การยื่นขอจัดตั้งกองทุนสปอตบิทคอยน์ ETF ของ Hashdex นั้นแตกต่างจากบริษัทอื่นๆ เนื่องจากจะไม่ขึ้นอยู่กับข้อตกลงการแบ่งปันการเฝ้าระวังของ Coinbase โดยบริษัทจะเลือกถือครองบิทคอยน์ทางกายภาพ ซึ่งอ้างอิงจากตลาด CME แทนที่จะเป็นเว็บเทรดคริปโตที่ไม่ได้รับการกำกับดูแล ซึ่งจากเอกสารที่ยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐฯ Hashdex ตั้งใจที่จะรวมสปอตบิทคอยน์ไว้ในบิทคอยน์ Futures ETF และเปลี่ยนชื่อเป็น Hashdex Bitcoin ETF
สำหรับข้อตกลงการแบ่งปันการเฝ้าระวัง (Surveillance Sharing Agreement) เป็นความร่วมมือระหว่าง Coinbase กับ Chicago Board Options Exchange ที่จะช่วยส่งเสริมและตรวจสอบความโปร่งใสสำหรับบริษัทที่ยื่นขอจัดตั้งกองทุนสปอตบิทคอยน์ ETF เพื่อป้องกันการโกงและปกป้องนักลงทุนนั่นเอง
ทางด้าน James Seyffart นักวิเคราะห์ของ Bloomberg ตั้งข้อสังเกตว่า การยื่นคำขอที่มีความแตกต่างในครั้งนี้ อาจช่วยบรรเทาความกังวลบางอย่างของ ก.ล.ต. สหรัฐฯ ในเรื่องการควบคุมตลาดและสภาพคล่องได้ ขณะที่ Scott Johnsson ทนายความที่เชี่ยวชาญด้านการเงิน มองว่าแนวทางของ Hashdex อาจเป็นตัวเปลี่ยนเกมในอุตสาหกรรมคริปโต
ปัจจุบันสหรัฐฯ ได้อนุมัติกองทุนที่เกี่ยวข้องกับบิทคอยน์ไปแล้วหลายแห่ง แต่เป็นกองทุนบิทคอยน์ ETF ที่ซื้อ-ขายอ้างอิงในสัญญาซื้อ-ขายล่วงหน้า (Futures) เท่านั้น ขณะที่กองทุนบิทคอยน์สปอต ETF ยังคงมีความไม่ชัดเจน เนื่องจากหน่วยงานกำกับอ้างถึงความซับซ้อนของลักษณะสินทรัพย์ การลงทุนในบิทคอยน์ ETF กำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุน เพราะสร้างประสบการณ์การลงทุนใหม่ๆ ในสินทรัพย์ดิจิทัลโดยที่ไม่ต้องถือครองโดยตรง
ทั้งนี้ ยังคงต้องติดตามต่อไปว่าการยื่นขอจัดตั้งกองทุนสปอตบิทคอยน์ ETF ของ Hashdex จะมีความคืบหน้าหรือไม่ โดยในขณะนี้บริษัทที่ยื่นจัดตั้งกองทุนบิทคอยน์สปอต ETF ได้แก่ BlackRock, ARK Invest, Bitwise Asset Management และอื่นๆ กำลังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบและถูกจับตามองเป็นอย่างมาก เนื่องจากการอนุมัติกองทุนบิทคอยน์สปอต ETF จะเป็นการกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมคริปโตในสหรัฐฯ ต่อไปได้
การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลมีความเสี่ยงและความผันผวนสูงมาก นักลงทุนจึงควรกระจายความเสี่ยง ศึกษาหาข้อมูล และวางแผนในการลงทุนด้วยความรอบคอบ บทความนี้มีจุดประสงค์เพื่อให้ข้อมูลเท่านั้น
อ้างอิง: