วานนี้ (12 พฤศจิกายน) สำนักข่าว The Athletic รายงานบทสัมภาษณ์ของ แฮร์รี แม็กไกวร์ ปราการหลังทีมชาติอังกฤษของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ให้สัมภาษณ์กับ The Times โดยช่วงหนึ่งของบทสัมภาษณ์ดังกล่าว เขายอมรับว่าเป็นเรื่องยากที่จะต้องรับมือกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเองในระยะหลัง
ปราการหลังทีมชาติอังกฤษและแมนฯ ยูไนเต็ด สูญเสียตำแหน่งในรายชื่อตัวจริงของกุนซือ เอริก เทน ฮาก ที่โอลด์แทรฟฟอร์ด หลังจากการมาถึงของ ลิซานโดร มาร์ติเนซ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติอาร์เจนตินา ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา
แต่ถึงอย่างนั้นแม็กไกวร์ก็ได้รับเลือกจาก แกเร็ธ เซาธ์เกต ให้เป็น 1 ใน 26 ขุนพลทีมชาติอังกฤษที่จะไปสู้ศึกฟุตบอลโลก 2022 ซึ่งจะเริ่มขึ้นที่กาตาร์ในปลายสัปดาห์หน้า แต่ตำแหน่งในทีมชาติอังกฤษของเขาก็ไม่วายถูกตั้งคำถาม เนื่องจากผลงานที่ไม่สม่ำเสมอของเขาในการรับใช้สโมสร
ในการให้สัมภาษณ์กับ The Times เซ็นเตอร์ฮาล์ฟวัย 29 ปียอมรับว่า เป็นการยากที่จะเพิกเฉยต่อคำวิจารณ์ของแฟนบอลที่มีต่อตัวเขา
แม็กไกวร์กล่าวว่า “ผมไม่ชอบที่จะรู้สึกเสียใจในตัวเอง แต่บางครั้งมันก็ยากเกินกว่าที่จะไม่รู้สึกแบบนั้น ผมคิดว่าผู้คนโดยทั่วไปมองนักฟุตบอลเป็นหุ่นยนต์ที่ไม่มีอารมณ์ความรู้สึก แต่แน่นอนว่าเรามีอารมณ์ เราผิดหวัง และเราเจ็บปวดเมื่อเราเล่นได้ไม่ดี”
ปัญหาในสนามของแม็กไกวร์ยิ่งเป็นเรื่องลำบากขึ้นด้วยปัญหานอกสนาม ในเดือนสิงหาคม 2020 หลังจากเขาถูกศาลของกรีซตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจจากการขัดขืนการจับกุม และพยายามติดสินบนหลังมีการทะเลาะวิวาทนอกบาร์ในมิโคนอส ขณะไปเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัวของเขา
เขาได้รับโทษจำคุก 21 เดือน แต่แม็กไกวร์ ซึ่งอ้างว่าเดซีน้องสาวของเขาถูกฉีดสารเคมีบางอย่างที่ไม่รู้จักโดยชายสองคน และเขาถูกชายในเครื่องแบบทุบตีที่ขา กำลังอยู่ในขั้นตอนรอการอุทธรณ์ข้อกล่าวหา
แนวรับวัย 29 ปีกล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า “บางคนเชื่อผม แต่บางคนไม่ยอมเชื่อ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมจะพูดเกี่ยวกับมิโคนอสก็คือ ผมไม่เคยเสียใจเลย
“ที่นั่นในคืนนั้นมีพวกเรา 9 คน เราทุกคนเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นและรายละเอียดเป็นอย่างไร”
ตอนนี้แม็กไกวร์ต้องการโฟกัสไปที่การแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 กับทีมชาติอังกฤษ ซึ่งจะเริ่มต้นด้วยการพบกับทีมชาติอิหร่านในวันที่ 21 พฤศจิกายนนี้
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้อยู่ภายใต้การตรวจสอบข้อเท็จจริงจากกรณีความกังวลด้านสิทธิมนุษยชนของกาตาร์ แต่แม็กไกวร์หวังว่าการแข่งขันจะทำให้เกิดการถกเถียงกันในประเด็นนี้ในวงกว้างขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
เขากล่าวว่า “เป็นเรื่องดีที่จะพูดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้และเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผม ผมไม่รู้ว่าสถานการณ์สิทธิมนุษยชนที่นั่นเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้ผมเข้าใจมากขึ้นแล้ว
“สิ่งสำคัญที่ผมพูดได้คือ หากฟุตบอลโลกไม่เกิดขึ้นในกาตาร์ ประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนเหล่านี้และวิธีที่ผู้คนได้รับการปฏิบัติที่นั่นก็จะยังเกิดขึ้นอยู่ต่อไป”
อ้างอิง: