Gyeongseong Creature 2 รักเลือดสาดที่ขาดเสน่ห์ THE STANDARD

หลังจาก Gyeongseong Creature สร้างความประทับใจด้วยเรื่องราวการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดโดยกองทัพญี่ปุ่นในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่แฝงนัยหลายๆ อย่าง มาปีนี้ Netflix ไม่รอช้า ปล่อย Gyeongseong Creature ซีซัน 2 ว่าด้วยเรื่องราวอีก 8 ทศวรรษต่อมา และชะตากรรมของตัวละคร ยุนแชอ๊ก และ จางแทซัง เมื่อต้องกลับมาต่อสู้กับเหล่าร้ายอีกครั้งยังบู๊สะใจเหมือนเคย แต่เสน่ห์บางอย่างกลับหายไป เมื่อใช้ความรักของตัวละครหลักเป็นศูนย์กลาง

ในซีซันแรกยุนแชอ๊ก (ฮันโซฮี) และจางแทซัง (พัคซอจุน) ต้องมาร่วมมือกันช่วยเหลือหญิงสาวคนหนึ่งจากห้องใต้ดินของโรงพยาบาลในเมืองกยองซอง หรือกรุงโซล ภายใต้อาณานิคมของญี่ปุ่น แต่แล้วก็พบว่ากำลังเผชิญกับสัตว์ประหลาดของกองทัพญี่ปุ่น และจบลงเมื่อยุนแชอ๊กได้รับ ‘นาจิน’ หรือปรสิตที่สามารถควบคุมสมองของคน ทำให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อไปเป็นเวลาเกือบร้อยปี

ในปัจจุบันแชอ๊กยังคงใช้ชีวิตเป็นนักแกะรอยในชื่อ ‘นางแอ่นเงิน’ และต้องออกตามหาชายคนหนึ่งที่หายไปหลังจากทำงานให้กับบริษัท Jeonseung Biotech ขณะที่ โฮแจ นักสืบเอกชนที่หน้าตาคล้ายกับแทซัง ได้รับมอบหมายจากตำรวจให้ติดตามตัวแชอ๊ก เพื่อจะได้พ้นจากการเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฆาตกรรม

เมื่อทั้งคู่พบกันอีกครั้ง แชอ๊กจำโฮแจได้ว่าเป็นแทซัง ทั้งคู่เข้าไปพัวพันกับคดีฆาตกรรมที่ดูจะเกี่ยวข้องกับ ซึงโจ (แพฮยอนซอง) ชายหนุ่มที่มีพลังพิเศษ นอกจากนี้ทั้งคู่ยังถูกติดตามโดย หัวหน้าคุโรโกะ (อีมูแซง) ผู้บริหารบริษัท Jeonseung Biotech ซึ่งกำลังพัฒนาสัตว์ประหลาดในห้องทดลองเดียวกันกับที่กองทัพญี่ปุ่นเคยสร้างไว้เมื่อร้อยกว่าปีก่อน และมีกองกำลังเหนือมนุษย์ที่คอยไล่ล่าเขาทั้งคู่ กลายเป็นเรื่องราวการผจญภัยท่ามกลางอดีตที่ตามมาหลอกหลอน ซึ่งจะจบลงอย่างไรต้องลองไปติดตาม

Evoto

ถ้าดูแบบเอาสนุก Gyeongseong Creature ซีซันแรก คือซีรีส์สัตว์ประหลาดที่เต็มไปด้วยฉากแอ็กชัน มีอารมณ์ขันพอปะแล่มๆ และเรื่องรักโรแมนติกของคู่พระนางแบบกลมกล่อมครบรส แต่ถ้าดูให้ลึก นี่คือการพูดถึงคุณค่าความเป็นมนุษย์ผ่านประวัติศาสตร์และความบาดหมางระหว่างเกาหลีและญี่ปุ่น โดยเล่าผ่านกลุ่มคนที่ไม่เข้าพวกกันฝ่าฟันไปสู่เป้าหมายเดียวกัน แต่ในซีซันนี้กลับโฟกัสไปที่ความรักที่พลัดพรากของสองตัวละครหลักและพลังวิเศษทั้งจากฝั่งตัวเอกและตัวร้าย จนใกล้จะกลายเป็นซีรีส์ยอดมนุษย์เข้าไปทุกที ซึ่งถ้ามองในแง่ของคุณภาพการสร้าง การเล่าเรื่อง และคุณภาพของภาพแล้ว ก็ถือว่าลดลงจากภาคที่แล้วอย่างเห็นได้ชัด

ด้วยพลังพิเศษของตัวเอก ในภาคนี้จึงมีฉากแอ็กชันของแชอ๊กและแทซังเพิ่มขึ้นมาก แต่ด้วยการตัดต่อและพึ่งพา CG มากเกินไป รวมทั้งถึงมุมกล้องและการสั่นไหว ทำให้หลายฉากเหมือนอยู่ในวิดีโอเกม ดูแล้วออกจะเวียนหัวไปหน่อย ถึงแม้ว่าจะมองข้ามเรื่องนี้ไป แต่ความรักที่เป็นศูนย์กลางระหว่างแชอ๊กและแทซังก็ยังไม่เร้าอารมณ์และดึงดูดมากพออยู่ดี

Gyeongseong Creature ซีซัน 2 พยายามให้คนดูหวนคิดถึงความโรแมนติกในภาคแรกกับฉากที่ทั้งคู่กลับมาเจอกันในอีกเกือบร้อยปีถัดมา ด้วยการเล่าเรื่องและภาพที่แทบจะถอดแบบมาจากซีซันที่แล้ว เมื่อผนวกเข้ากับหลากหลายองค์ประกอบ ทั้งการพลัดพรากนับร้อยปี การเสียสละชีวิตแทนกันได้ แถมท็อปอัพอาการสูญเสียความทรงจำของพระเอกเข้าไปอีก ก็น่าจะเบี่ยงเบนความสนใจจากข้อบกพร่องอื่นๆ ของซีซันนี้ได้บ้าง แต่กรณีนี้แม้จะพยายามดึงดูดคนดูให้สัมผัสความรักที่แสนเจ็บปวด แต่ก็ยังขาดอารมณ์ร่วม อาจจะเพราะมีเรื่องราวบู๊ล้างผลาญสอดแทรกอยู่เกือบตลอดทั้งซีซัน จนความโรแมนติกขาดความต่อเนื่อง

อีกหนึ่งความพยายามที่เห็นได้ชัดคือ การกลับไปพูดถึงเรื่องคุณค่าความเป็นมนุษย์ผ่านบทสนทนาระหว่าง มาดามมาเอดะ (คลอเดีย คิม) กับแทซัง ก็เรียกว่าโผล่มาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย จะปูพื้นมาหน่อยก็คือเรื่องราวชีวิตของซึงโจที่ถูกเลี้ยงดูมาแบบผิดๆ และค้นหานิยามความเป็นมนุษย์ให้ตัวเอง จนได้สัมผัสสิ่งนั้นจากแทซัง ถึงอย่างนั้นบทของซีรีส์ก็มีช่องโหว่คือ แทบไม่ได้พูดถึงที่มาที่ไปความสัมพันธ์ของสองตัวละครนี้เลยว่าเกิดขึ้นตอนไหนและเกิดขึ้นอย่างไร ยังไม่นับรวมคำถามที่เกิดขึ้นในใจว่าทั้งแทซังและแชอ๊กอยู่กันมาอย่างไรทั้งๆ ที่มีนาจินอยู่ในตัว แต่ก็ไม่ได้ออกล่ามนุษย์

Screenshot

Evoto

อีกหนึ่งตัวละครที่เหมือนจะถูกมองข้ามไปก็คือหัวหน้าคุโรโกะ ซึ่งมีบทน้อยเกินไป จนคนดูไม่เห็นการพัฒนาหรือได้ทำความเข้าใจความต้องการของตัวละคร ซึ่งถ้ามองในแง่ดี นี่คือการหมกเม็ดเรื่องราวของสองตัวละครหลักในซีซันหน้า (ถ้ามี) คือซึงโจและหัวหน้าคุโรโกะที่กำลังจะกลายเป็นมาสเตอร์มายด์คนใหม่ แต่ถึงอย่างนั้นก็ทำให้ซีซันนี้ขาดความกลมกล่อมจนคนดูต้องตั้งคำถามได้เหมือนกัน

สำหรับเรื่องการแสดง ทั้งฮันโซฮีและพัคซอจุนก็ทำได้ดีสมมาตรฐาน ขณะที่ตัวละครอื่นๆ อย่างอีมูแซงกลับใช้งานได้ไม่คุ้มเท่าที่ควร จะเซอร์ไพรส์หน่อยก็คือ การพลิกมารับบทร้ายครั้งแรกของแพฮยอนซอง ทำให้เราได้เห็นถึงบุคลิกน่ากลัวของเขาตลอดทั้ง 7 อีพี ส่วนที่พลาดไม่ได้คือการกลับมาของ คลอเดีย คิม ในบท มาดามมาเอดะ ที่ยังรักษามวลความมืดหม่นและความคลั่งแค้นยากเกินคาดเดาเหมือนในซีซันที่แล้ว ซึ่งถ้าไม่มีเธอ ซีซันใหม่ก็คงน่าเบื่อมากกว่าที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน

โดยรวมแล้ว Gyeongseong Creature ซีซัน 2 ยังไม่กลมกล่อมสมการรอคอยของแฟนๆ และยังมีช่องโหว่อีกหลายจุด ก็ได้แต่หวังว่านี่จะเป็นการปูทางไปสู่ซีซันใหม่ ขณะเดียวกันก็ชักไม่แน่ใจว่าเรายังอยากจะดู Gyeongseong Creature ซีซัน 3 กันอยู่หรือเปล่า