Simon Baptist หัวหน้านักเศรฐษศาสตร์ของ The Economist Intelligence Unit แสดงความเห็นผ่านรายการ Street Signs Asia ทางสถานีโทรทัศน์ CNBC โดยระบุว่า หากพิจารณาหรือเอ่ยถึงความมั่งคั่งของประชาชน สหรัฐฯ จะยังคงร่ำรวยกว่าจีนในอีก 50 ปีข้างหน้า แม้ว่าขนาดเศรษฐกิจของจีนจะขยายตัวโตแซงหน้าสหรัฐฯ กลายเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ตาม
ทั้งนี้ ในมุมมองของ Baptist จีนยังไม่น่าจะมีจีดีพีต่อหัวเทียบเท่าสหรัฐฯ โดยจีดีพีต่อหัวนี้ถือเป็นมาตรวัดความมั่งคั่งร่ำรวยของประชากรภายในประเทศ
โดยข้อมูลล่าสุดจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) แสดงให้เห็นว่า จีดีพีต่อหัวของจีนจะมีมูลค่าอยู่ที่ 10,582.10 ดอลลาร์สหรัฐ น้อยกว่าของสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ที่ 63,051.40 ดอลลาร์ ถึง 6 เท่า
ความเห็นของ นกเศรษฐศาสตร์รายนี้มีขึ้นเพียงไม่นานหลังจากที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ของสหรัฐฯ เพิ่งจะประกาศในงานแถลงข่าวกับสื่อมวลชนครั้งแรกหลังเข้ารับตำแหน่งผู้นำประเทศเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว โดยประธานาธิบดีไบเดนใช้โอกาสดังกล่าวย้ำชัดว่าจะไม่ยอมปล่อยให้จีนเป็นผู้นำบนเวทีประชาคมโลก
ประธานาธิบดีไบเดนกล่าวว่า แม้จีนจะมีเป้าหมายสู่การเป็นประเทศมหาอำนาจของโลก แต่อย่างน้อยในช่วงที่ตนดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ย่อมไม่ยอมปล่อยให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นได้
Baptist กล่าวว่า แนวโน้มต่อไปข้างหน้าก็คือ สหรัฐฯ กับจีน จะยังคงเป็นสองประเทศชั้นนำทางของโลกต่อไป เพียงแต่นับจากนี้ในภูมิภาคเชีย อิทธิพลของจีนจะมากกว่าและหยั่งรากลึกกว่าอิทธิพลของสหรัฐฯ พร้อมเลื่อนคาดการณ์ว่า จีนจะมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่กว่าสหรัฐฯ ภายในปี 2032 มาเป็นปี 2034 เพราะการระบาดไม่คาดฝันของไวรัสโควิด-19
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: