กูรูแนะ Fed อัดยาแรงขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในเดือน มี.ค. นี้ เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ฟื้นความเชื่อมั่น

Bloomberg รายงานความเห็นของ บิล แอคแมน (Bill Ackman) มหาเศรษฐีนักลงทุนระดับพันล้าน ที่ทวีตข้อความแสดงความเห็นเกี่ยวกับการตอบสนองของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ต่อสถานการณ์เงินเฟ้อในห้วงเวลานี้ โดยระบุชัดว่า นโยบายและมาตรการของ Fed ที่มีอยู่ในปัจจุบันไม่เพียงพอที่จะทำให้ Fed เอาชนะปัญหาเงินเฟ้อในปัจจุบันได้

ในมุมมองของแอคแมน Fed ควรขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้เร็วที่สุด คือภายในเดือนมีนาคม และปรับขึ้นที่ระดับ 0.50% แทนที่จะเป็นที่ระดับ 0.25% แบบที่ Fed นิยม และควรจะทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3-4 ครั้ง ภายในปีนี้ จึงน่าจะเพียงพอที่จะฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อ Fed ในการจัดการปัญหาเงินเฟ้อ

แอคแมนกล่าวว่า การขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.50% จะส่งผลให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า ‘ปฏิกิริยาสะท้อน’ (Reflexive Effect) ที่จะช่วยลดความคาดหวังเกี่ยวกับเงินเฟ้อในอนาคต ซึ่งหมายความว่า จะช่วยบรรเทาความจำเป็นในการใช้ยาแรงจัดการกับปัญหาเศรษฐกิจในอนาคตได้

ความเห็นของแอคแมนครั้งนี้ มีขึ้นท่ามกลางเสียงเรียกร้องจากสมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐฯ และสาธารณชนที่ต้องการให้ Fed ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อจัดการกับภาวะเงินเฟ้อที่ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ต้นทศวรรษที่ 1980 โดยหลายฝ่ายต้องการให้ Fed ขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในเดือนมีนาคม และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 4-5 ครั้งภายในปีนี้

ก่อนหน้านี้ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ที่ประชุมเ Fed มีมติเห็นชอบที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งภายในปี 2022 ซึ่งแม้จะไม่ได้ระบุระดับอัตราดอกเบี้ยที่จะขึ้น แต่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า Fed น่าจะค่อยๆ ทยอยขึ้นที่ 0.25% โดย Fed ไม่เคยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 0.25% มาตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2000

แอคแมนย้ำว่า การที่ Fed ไม่สามารถจัดการเงินเฟ้อได้เสียที ทำให้ Fed ค่อยๆ สูญเสียความน่าเชื่อถือในฐานะนักสู้ที่จัดการปัญหาเงินเฟ้อได้เป็นอย่างดี ดังนั้น การสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.50% จึงน่าจะเพียงพอที่จะสร้างแรงช็อก และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Fed ที่จะจัดการภาวะเงินเฟ้ออย่างจริงจัง

ความเห็นของแอคแมน สอดคล้องกับ เฮนรี คอฟแมน (Henry Kaufman) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์แห่ง Salomon Brothers เจ้าของฉายา ด็อกเตอร์ดูม ที่แสดงความเห็นระหว่างให้สัมภาษณ์กับทาง CNBC ว่า เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed ควรแสดงท่าทีดุดันและแข็งกร้าว เริ่มต้นด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ 0.50% พร้อมส่งสัญญาณชัดเจนว่า Fed จะเดินหน้าขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคต

ขณะที่ เจมี ไดมอน (Jamie Dimon) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของ JPMorgan Chase & Co. ได้กล่าวต่อนักวิเคราะห์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (14 ธันวาคม) ว่า Fed น่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากถึง 7 ครั้งในปีนี้ เพื่อต่อกรกับภาวะเงินเฟ้อ โดยขณะนี้ หลายฝ่ายคาดหวังให้ Fed ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2022 มากกว่า 3 ครั้งตามที่ Fed ได้ระบุไว้

อ้างอิง: