×

ไขปมบริจาคยุทธภัณฑ์ ฟังคำชี้แจง ‘กัน จอมพลัง’ และโฆษก ทบ. ในห้องประชุม กมธ. การทหาร

30.10.2025
  • LOADING...
ไขปมบริจาคยุทธภัณฑ์ ฟังคำชี้แจง **‘กัน จอมพลัง’** และโฆษก ทบ. ในห้องประชุม กมธ. การทหาร

วันนี้ (30 ตุลาคม) ในการประชุมคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ที่มี เอกราช อุดมอำนวย สส. กทม. พรรคประชาชน เป็นประธานในการประชุม เพื่อพิจารณาวาระเงินบริจาค และบทบาทในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้เชิญ กัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ ‘กัน จอมพลัง’ และ พล.ต. วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก (ทบ.) มาชี้แจงในที่ประชุม โดยผู้ชี้แจง 2 คน ได้เข้าประชุมทาง Video Conference ผ่านระบบ Zoom

 

ในช่วงเริ่มวาระ กัณฐัศว์ระบุว่า ขอใช้เวลาในการชี้แจงไม่เกิน 20 นาที เหตุติดงานไลฟ์ของลูกค้า พร้อมบอกว่าเพิ่งทราบเมื่อคืนนี้ (29 ตุลาคม) หลังเสร็จจากไลฟ์เวลา 03.00 น. ซึ่งเป็นเวลาค่อนข้างกระทันหัน ซึ่งเวลา 16.30 น. ได้เตรียมเอกสารเบื้องต้น ที่หน่วยงานด้านความมั่นคงขอรับความอนุเคราะห์ทั้ง ตำรวจ ทหาร

 

จากนั้นกัณฐัศว์ได้แสดงหนังสือขอรับการอนุเคราะห์ และอ่านให้ที่ประชุมฟัง เนื้อหาระบุว่า ขอความอนุเคราะห์แผ่นเกราะแข็งป้องกันกระสุน ระดับ 4 โดยผู้ที่ดำเนินการคือบริษัทเอกชน และหน่วยที่ขอความอนุเคราะห์ มูลนิธิ กันจอมพลังช่วยสู้ มีหน้าที่จ่ายเงินให้กับทางบริษัทเจ้าของสินค้าเท่านั้นเอง โดยตนเองแค่ไปร่วมถ่ายรูปเมื่อร้านส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่

 

กรรมาธิการได้สอบถามกัณฐัศว์ว่า ทราบหรือไม่ว่าเสื้อเกราะเป็นยุทธภัณฑ์ ที่ประชาชนหรือเอกชนไม่สามารถซื้อได้ กัณฐัศว์ไม่ได้ตอบคำถามนี้ แต่ย้ำว่า เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานที่อยู่แนวหน้าชายแดน และอยู่ระหว่างการรบปะทะ ตั้งแต่ 24 กรกฎาคม 2568 ซึ่งหน่วยมีกำลังพลปฏิบัติหน้าที่ควบคุมทางยุทธการ จึงมีความจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมกำลังพลและอุปกรณ์กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการปกป้องอธิปไตย และประชาชน

 

ภาพ: ฐานิส สุดโต

 

จี้ถาม ‘กัน’ กองทัพทำหนังสือขอความอนุเคราะห์ไปกี่ฉบับ

 

ต่อมา วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการ กล่าวว่า ถ้าเชื่อตามหนังสือขอรับความอนุเคราะห์ มูลนิธิไม่มีทางที่จะรู้ว่าซื้อยุทธภัณฑ์ไม่ได้ เพราะภาวะสงครามไม่ได้เกิดขึ้นเป็นนิจ แต่เมื่อมีหนังสือตราครุฑขอการสนับสนุน ทุกคนอยากจะช่วยเหลือทหาร ส่วนจะซื้อถูกหรือแพง เป็นหน้าที่ของมูลนิธิกับบริษัท จุดนี้ต้องมาโฟกัสที่กองทัพว่า ควรหรือไม่ที่จะไปขอรับบริจาคยุทธภัณฑ์ที่เป็นเกรดในการทำสงครามจากมูลนิธิต่าง ๆ

 

ด้าน รักชนก ศรีนอก สส. กทม. พรรคประชาชน เข้าร่วมสังเกตการณ์ในที่ประชุม สอบถามกัณฐัศว์ว่า เพื่อปกป้องตัวเอง กัณฐัศว์ควรส่งเอกสารมาให้กับคณะกรรมาธิการ เพื่อจะได้รู้ว่า เอกสารเหล่านั้นเป็นเอกสารจากหน่วยงานราชการจริงหรือไม่ และทั้งหมดมีกี่ฉบับ กี่รายการ

 

“ถ้าของเหล่านี้อยู่ในงบประมาณตั้งไว้ซื้ออยู่แล้ว แต่กลับกลายเป็นว่า กองทัพโยกเงินอีกทอดหนึ่งในการมาซื้อของเหล่านี้ ซึ่งจะเป็นปัญหา และเพื่อเป็นเกราะป้องกันว่า ประชาชนหรือมูลนิธิ นิติบุคคล ซื้อยุทธภัณฑ์ จะทำให้มีปัญหามาก” รักชนกกล่าว

 

ภาพ: ฐานิส สุดโต

 

อย่างไรก็ตาม กัณฐัศว์ได้ย้ำกับกรรมาธิการว่า ขออย่าให้การให้ข้อมูลของตนกระทบกับทหารชั้นผู้น้อย และ ถ้ามีโอกาส ขอเชิญคณะกรรมาธิการไปดูพื้นที่หน้างานจริง บางฐานมีทหารอยู่ถึง 50-60 นาย แต่มีห้องน้ำใช้เพียงห้องเดียว

 

ที่ประชุมกรรมาธิการยังแสดงความเห็นว่า งานที่มูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ทำนั้น ซ้ำซ้อนกับ หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นทพ.) ซึ่งกัณฐัศว์บอกว่า นทพ. มีประโยชน์มากในหน้างาน แต่บางอย่างประชาชนร่วมมือกับทหารรวดเร็วกว่า ไม่อยากให้มองว่าประชาชนออกมาทำ แล้วบอกว่าทำไม่ถูกอย่างนั้นอย่างนี้ อยากให้เป็นการร่วมแรงร่วมใจกันมากกว่า

 

กันพ้อ มาช่วยสังคมแต่ตกเป็นเป้าของพรรคการเมือง

 

ต่อมา ชยพล สท้อนดี สส. กทม. พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการ ได้เปิดภาพหนังสือขอบคุณในความอนุเคราะห์ ที่ส่งถึงประธานมูลนิธิ กันจอมพลังช่วยสู้ และขอให้กัณฐัศว์ชี้แจงรายละเอียด โดยกัณฐัศว์อธิบายว่า จำไม่ได้ว่าเป็นหนังสือของกรณีใด เพราะมีหนังสือส่งมาหลายฉบับ

 

“คุณไอซ์ (รักชนก) บอกผมว่า การที่ผมออกไปทำแล้ว อาจจะไปสร้างคะแนนความนิยมให้พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง หรือผมออกมาช่วยสังคม พอมีคนชื่นชม ผมก็เป็นเป้าของพรรคการเมือง วันนี้ผมก็หยุดแล้ว”

 

อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วงเวลาที่กัณฐัศว์ชี้แจง กรรมาธิการพยายามสอบถามว่า มีกี่หน่วยงานที่ส่งหนังสือมาเพื่อขอรับความอนุเคราะห์ แต่กัณฐัศว์ได้ตัดบทและระบุว่า ตนเองเพิ่งมารู้ตอน 3.00 น. ของเมื่อวาน

 

“กรรมาธิการเตรียมตัวมาหลายวันแล้ว ท่านเพิ่งบอกผมไม่ถึงวัน แล้วท่านจะให้ผมไปเตรียมของเพื่อจะมาตอบท่าน ผมว่าท่านต้องลองคิดดูว่า มันพอได้หรือเปล่า” กัณฐัศว์กล่าวทิ้งท้ายก่อนจบการชี้แจง

 

ภาพ: ฐานิส สุดโต

 

ในช่วงหนึ่ง วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการ ตั้งข้อสังเกตถึงการบริจาคของมูลนิธิ ว่าต่อให้มีหนังสือขอรับการสนับสนุนกี่ฉบับก็ตาม ถ้าขออาหารแห้งถุงเท้ารองเท้าเรื่องปกิณกะหรือวัสดุสิ้นเปลืองในช่วงเริ่มต้นศึกสงคราม คิดว่าการบริจาคของมูลนิธิทำได้ แต่วันนี้เราเป็นห่วงเรื่องการบริจาคยุทธภัณฑ์ที่มีกฎหมายเฉพาะ และหากต่อไปกองทัพมีความต้องการขอรับการสนับสนุน กองทัพต้องประกาศให้ชัดว่าสิ่งใดควรหรือไม่ควรบริจาค

 

วิโรจน์ เสนอให้กรรมาธิการทำหนังสือถึงกองทัพว่าในอนาคตควรกำหนดหลักเกณฑ์ของการรับบริจาคให้ชัด แล้วปัญหาจะจบ ส่วนเรื่องความโปร่งใสของมูลนิธิ ก็ควรได้รับการตรวจสอบอย่างถูกต้อง

 

โฆษก ทบ. แปลกใจ กัน จอมพลัง หายุทธภัณฑ์เกรดสูงกว่ากองทัพใช้

 

ต่อมา พล.ต. วินธัย ได้ตอบชี้แจงต่อกรรมาธิการในเรื่องการรับบริจาค โดยระบุว่า ของที่ได้รับการสนับสนุนมาในช่วงวิกฤตครั้งนี้เข้ามาใน 2 ลักษณะ คือ 1. ต้องการช่วยเหลือกำลังพล และ 2. ต้องการช่วยเหลือชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ปฏิบัติงานแนวหน้า ทั้ง 2 ส่วนตามนโยบายของผู้บัญชาการ จะไม่ขอรับเป็นเงิน เพราะจะจัดการยุ่งยากและมีเรื่องของกฎหมาย ถ้าจะแสดงน้ำใจก็ขอเป็นสิ่งของ หากยืนยันจะเป็นเงินเพื่อส่งต่อไปยังกำลังพล ผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต หรือครอบครัวก็ดี ก็จะเป็นสะพานเชื่อมต่อให้

 

สำหรับกองทัพบกเองก็มีผู้ประสานมามาก ในส่วนของโฆษกต้องคำนึงให้สอดคล้องกับสภาพในสนามรบด้วย ซึ่งหากเราขาดเหลืออะไรก็จะแจ้ง แต่ไม่อยากรับมาโดยไม่บริหารจัดการประเภท แต่เราเองไม่นึกว่าจะมีเรื่องของยุทธภัณฑ์เข้ามาด้วย เนื่องจากเป็นเรื่องทางเทคนิคและมีราคาสูง จึงเห็นว่าควรกำหนดมาตรฐาน แต่ยืนยันว่า ไม่เคยห้ามการบริจาค เพราะในช่วงเวลาวิกฤตสิ่งสำคัญไม่ใช่สิ่งของ แต่แสดงถึงว่าเราไม่ถูกทอดทิ้ง มีคนที่นึกถึงเราอยู่ตลอดเวลา การบริหารจัดการจึงไม่เหมือนช่วงปกติ

 

อย่างไรก็ตาม พล.ต. วินธัยระบุว่า สำหรับเสื้อเกราะกันกระสุนของกองทัพนั้น ตามมาตรฐานของ National Institute of Justice (NIJ) อยู่ที่ เลเวล 3+ คือทนกระสุนปืนเล็กยาวได้ กองทัพมีอยู่คร่าวๆ ประมาณ 70,000 ตัว ซึ่งหมุนเวียนอยู่ในสนาม การใช้งานก็ขึ้นอยู่กับกำลังพล

 

ภาพ: ฐานิส สุดโต

 

“แต่ผมเพิ่งมารู้วันนี้หลังจากได้เข้าฟังว่า กัณฐัศว์สามารถหาของที่สูงกว่าระดับมาตรฐานที่กองทัพทั่วไปใช้ คือเลเวล 4 และในทางทฤษฎีน่าจะเป็นสเปคที่สูงกว่าที่กองทัพใช้”

 

พล.ต. วินธัยยังย้ำว่า ในส่วนของกองทัพบกไม่มีการขอความอนุเคราะห์ไป แต่ในระดับหน่วยยอมรับว่ามี การขอครั้งแรกที่เห็นคือน่าจะขอสนับสนุนยาง

 

รักชนกจึงถามย้ำว่า กองทัพได้ทำหนังสือขอความอนุเคราะห์ไปจำนวนเท่าไรแน่ รวมถึงมีการขอเงินงบประมาณจากมูลนิธิ กันจอมพลังช่วยสู้ มาสนับสนุนด้วย ทั้งที่กองทัพมีงบประมาณอยู่แล้ว

 

พล.ต. วินธัยตอบว่า ต้องไปเช็คกับหน่วยอีกครั้งหนึ่ง เพราะข้อมูลที่ตนมีไม่เพียงพอ แต่ยืนยันว่าไม่มีการแอบอ้างกองทัพเพื่อขอเงินบริจาคแน่นอน หากเชื่อว่าเป็นการฉ้อโกง ท่านก็สามารถใช้ช่องทางทางกฎหมายได้ เพราะถ้าจะให้ก็ขอเป็นสิ่งของ เราจะไม่แตะเงินเลย

 

พล.ต. วินธัยชี้แจงเพิ่มเติมว่า ในโซเชียลมีเดียจะเป็นลักษณะของประชาชนคุยกับประชาชนซึ่งคือกัณฐัศว์ เท่าที่สังเกต กัณฐัศว์ไม่เคยมาทาง ทบ. เลย ทั้งนี้ไม่ได้ปรับความรับผิดชอบ ระบบของการร้องขอทั้งหมดจึงอาจจะตกหล่นไป ในระดับกองทัพจึงอาจไม่ทราบ หากต้องการความกระจ่าง คงต้องกลับไปคุยกับทุกหน่วยว่ามีการขอความอนุเคราะห์อะไรไปบ้าง

 

จากนั้น ชยพล สท้อนดี สส. กทม. พรรคประชาชน ในฐานะกรรมาธิการ ได้เปิดคลิป TikTok ของกัณฐัศว์ ที่ทำการทดสอบเสื้อเกราะกันกระสุน ระดับ 4 ก่อนสอบถามว่า กองทัพได้มีการนำยุทธภัณฑ์ไปทดลองก่อนหรือไม่ พล.ต. วินธัยระบุว่า ไม่มีข้อมูลในระดับกองทัพบก เพราะการทดสอบยุทธภัณฑ์จะมีขั้นตอนอยู่ สิ่งที่กัณฐัศว์ให้มาและนำมาสู่การใช้จริง ก็อาจมีการทดสอบผ่านก็ได้ แต่เรายังไม่พูดถึงจุดนั้น กองทัพไม่เคยพูดว่าเราขาดแคลน เสื้อเกราะประจำกายอยู่กับพลรบทุกคนครบถ้วนในแนวหน้า แต่เมื่อกัณฐัศว์นำสิ่งที่ดูเหมือนจะดีกว่าในทางทฤษฎีด้วยซ้ำมาให้เพิ่ม ซึ่งก็ไม่ได้นำมาใช้ทั้งหมด หากมีจริง ก็เท่ากับว่าหน่วยนั้นมีเสื้อเกราะ 2 ชุด

 

ภาพ: ฐานิส สุดโต

 

โต้เดือดรักชนกบอกกองทัพมั่วซั่ว วินธัยสวน กมธ. ไม่เป็นมิตร

 

รักชนกกล่าวว่า จากที่ฟังสรุปได้ว่า จากที่โฆษก ทบ. ชี้แจง ส่วนกลางแทบไม่ได้รู้เลยว่าหน้างานจริงๆ เป็นอย่างไร ขาดแคลนหรือขาดเหลือ ทำอะไรกันบ้าง กลายเป็นว่า เราเอาคนที่ไม่รู้เลยว่า หน้างานเป็นอย่างไรมาตอบคำถามแทนทั้งกองทัพ อันนี้หรือเปล่าที่ทำให้เป็นปัญหาและสะท้อนให้เห็นว่าเหนื่อยใจที่ฟังมา

 

“กลายเป็นว่า กัน จอมพลัง เป็นฮีโร่ของทหารชั้นผู้น้อยที่อยู่หน้างาน กองทัพแทบจะไม่รู้เลยว่า เขาต้องการอะไร และไม่ได้ฟังเสียงของเขาด้วย ถ้าออกไปพูดร้องแรกแหกกระเชอว่าต้องการอะไร กลับกลายเป็นว่าโดนผู้บังคับบัญชาตำหนิอีก กัน จอมพลัง จึงต้องเข้าไปสนับสนุนส่วนที่เขาไม่สามารถพูดกับกองทัพได้ แล้วจะบอกได้อย่างไรว่ากองทัพพร้อมสรรพสำหรับภารกิจป้องกันประเทศ การแลกเปลี่ยนข้อมูลค่อนข้างมั่วซั่วมาก”

 

ระหว่างนี้ พล.ต.วินธัยแทรกขึ้นทันทีว่า อยากจะชี้แจงคุณรักชนกเป็นข้อ ๆ คุณรักชนกอาจจะกล่าวเชิงตำหนิไปก่อนโดยที่ข้อมูลยังไม่ครบ อันนี้ไม่เหมาะ เพราะในระบบการปฏิบัติงาน จริงๆ คนที่อยู่หน้างานจะรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ยืนยันได้ว่า ถ้าเป็นอุปกรณ์ที่อยู่ในระบบราชการครบถ้วน แต่ต้องมองก่อนว่าสิ่งที่ได้รับการสนับสนุนมา ไม่ได้อยู่ในระบบราชการ แต่ก่อนที่จะมาพูดคุยกันว่าเรารู้เรื่อง หรือไม่รู้เรื่อง ถ้าไม่อยู่ตรงนั้นจะรู้ได้อย่างไรว่ามีปัญหาเรื่องแหล่งน้ำ

 

ภาพ: ฐานิส สุดโต

 

“เพียงแต่ผมเองได้รับข้อมูลมาแล้วจะดูถูกกันว่า เหมือนกับมั่วซั่ว ไม่มีใครมั่วหรอก มันอาจจะต้องใช้เวทีนี้ในแบบที่ให้เกียรติกัน เพราะสิ่งที่ทหารทำอยู่ทุกวันนี้ ผมว่าความผิดพลาดที่เกิดขึ้น มันคือชีวิตคน ไม่ใช่เงินที่จะซื้อได้ด้วยซ้ำ แต่บรรยากาศที่คุยมาทั้งหมดนี้ ผมว่าท่านไม่เป็นมิตรกับทหาร”

 

ซึ่งระหว่าง พล.ต.วินธัยพูด เอกราชได้แย้งขึ้นว่า ”สิ่งที่ท่านทำ เหมาะสมที่จะเป็นโฆษกกองทัพแล้วหรือ“ พร้อมกล่าวว่า เมื่อมีการเปิดประชุมได้ชี้แจงไปแล้ว สื่อมวลชนก็อยู่เป็นสักขีพยานว่า การสอบถามวันนี้ไม่ได้จะเพ่งโทษใคร ทั้งกองทัพ หรือกัณฐัศว์ แต่อยากช่วยกันตรวจสอบให้โปร่งใส เพื่อให้กำลังพลแนวหน้ามีทรัพยากรที่พร้อมในการจัดทำนโยบายหรือการสนับสนุนงบประมาณในอนาคต

 

“แต่เมื่อสักครู่ท่านกล่าวหากรรมาธิการฯ ประกอบด้วย สส. ทุกพรรคการเมือง อยากให้เข้าใจใหม่ ที่ท่านตอบก็ตอบไม่หมด เพราะถามเรื่องการใช้สื่อและภาพลักษณ์ ท่านอ่านแค่บรรทัดเดียว” เอกราชกล่าว

 

พล.ต.วินธัยจึงโต้กลับอีกว่า ตอบแล้ว แค่ท่านไม่ได้ฟัง การเข้าพื้นที่ไม่ต้องขออนุญาต เพราะไม่มีกำหนดข้อห้าม เป็นเสรีภาพของประชาชน

 

“ผมตอบแล้ว นึกออกไหมครับ แสดงว่าท่านฟังไม่ละเอียด ผมไม่ได้ติดใจอะไร เห็นว่าการกล่าวหากองทัพว่ามั่วซั่ว คำนี้ จะสื่อสารทำให้ประธานเข้าใจผิด ต้องขออภัยถ้าตีความหมายผิด คำว่ามั่วซั่ว เป็นคำที่ผมรู้สึกแทนบุคลากรทางกองทัพ” พล.ต. วินธัยกล่าว

 

จากนั้นรักชนก กล่าวว่าที่ พล.ต.วินธัยไม่เป็นมิตรกับกองทัพ เอาจริง ๆ กองทัพมีหลายส่วน พร้อมยืนยันว่า ตนเองเป็นมิตรกับทหารที่อยู่หน้างานที่เขาต้องเสียสละ แทนที่จะใช้เวลากับลูกเมีย แต่อยู่หน้างานต้องเสียสละชีวิต เสี่ยงทุกวินาที ตนเองเป็นมิตรกับทหารชั้นผู้น้อยเหล่านี้ และอยากทำให้มั่นใจว่ากองทัพสามารถรักษาชีวิตของทุกคน และรักษาความปลอดภัยของทหารชั้นผู้น้อยได้

 

ภาพ: ฐานิส สุดโต

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising