บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ หรือ GULF ลงนามร่วมพัฒนาธุรกิจกับ Singapore Telecommunications Limited (Singtel) และ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) หรือ AIS รุกพัฒนาธุรกิจ Data Center ในประเทศไทย รองรับการเติบโตของโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลในประเทศ หวังจับกลุ่มลูกค้าในไทยและต่างประเทศ
GULF แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ตามที่บริษัทได้แจ้งให้ทราบว่าบริษัทได้มีการลงนามบันทึกความร่วมมือ (Memorandum of Understanding) กับ Singtel ไปเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2564 เพื่อร่วมกันศึกษาและจัดตั้งธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) ในประเทศไทยนั้น
บริษัทขอแจ้งให้ทราบว่า เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2565 บริษัทได้เข้าลงนามในสัญญาร่วมพัฒนาธุรกิจ (Joint Development Agreement) กับ Singtel และ ADVANC
ความร่วมมือในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันพัฒนาธุรกิจ Data Center ในประเทศไทย เพื่อตอบสนองต่อการเติบโตอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลในประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้นสำหรับบริการด้านการจัดการและจัดเก็บข้อมูลขององค์กรทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ทั้งนี้จะมุ่งเน้น Data Center ที่มีคุณภาพ โดยจะนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ ประกอบกับการบริหารจัดการพลังงานที่มีประสิทธิภาพ โดยมุ่งเน้นพลังงานสะอาด เพื่อที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน
การร่วมมือทางธุรกิจในครั้งนี้เป็นการผนึกความแข็งแกร่งของทั้ง 3 บริษัท ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ Data Center โดย GULF มีประสบการณ์ในธุรกิจผลิตไฟฟ้าและธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงมีโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้งในและต่างประเทศ และเครือข่ายทางธุรกิจที่กว้างขวาง
ในขณะที่ AIS มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาและดำเนินธุรกิจ Data Center หลายแห่งในประเทศไทย รวมถึงมีประสบการณ์ในการให้บริการแก่ลูกค้าองค์กรมากมาย
และ Singtel มีประสบการณ์และความชำนาญในด้านเทคโนโลยีสำหรับ Data Center และมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งและหลากหลายทั่วโลก โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ระดับโลก (Hyperscalers)
ด้าน ADVANC แจ้งว่าธุรกิจศูนย์ข้อมูลนี้มุ่งในการสร้างโครงการใหม่ (Greenfield Data Centers) ที่มีการบริหารจัดการด้วยเทคโนโลยีทันสมัยและมีความปลอดภัยสูง รวมถึงมีการจัดการด้านพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ มุ่งเน้นการใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียนเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืนในประเทศไทย
เอเซีย พลัส แนะซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว
ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ความร่วมมือดังกล่าวถือเป็น Sentiment เชิงบวกในระยะยาวของ GULF ในการก้าวสู่ธุรกิจ Data center ซึ่งถือว่าสอดคล้องกับเป้าหมายธุรกิจของ GULF ที่มุ่งขยายธุรกิจ และสร้างความแข็งแกร่งในอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลให้เติบโตขึ้นในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจดังกล่าวยังถือเป็นธุรกิจใหม่ของ GULF ในอนาคต ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้มีรายละเอียดในแง่ของการการสร้างกำไรและมูลค่าเพิ่มว่าจะออกมาในรูปแบบใด จึงยังไม่รวมประเด็นดังกล่าวไว้ในประมาณการ
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปี 2565 ที่ 52 บาท โดยเน้นให้หาจังหวะเข้าสะสมลงทุนเมื่อราคาหุ้นอ่อนตัว
คาดใช้เวลาก่อสร้าง 1-1.5 ปี
ทางด้าน บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า ADVANC ยังไม่สามารถให้รายละเอียดของการร่วมพัฒนา Data Center ได้ เนื่องจากยังเป็นช่วงเริ่มต้น ยังไม่สามารถให้รายละเอียดสัดส่วนการลงทุน เม็ดเงินลงทุน และเป้าหมายรายได้ของโครงการ
ทั้งนี้หากอิงระยะเวลาในการสร้าง Data Center ทั่วไป โดยเฉพาะในตลาดกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ระดับโลกที่จะใช้เวลาประมาณก่อสร้างมากกว่า 1-1.5 ปี ฝ่ายวิจัยคาดโครงการนี้จะยังไม่กระทบต่อประมาณการปี 2565-2566 ที่ได้ประเมินไว้อย่างมีนัยสำคัญ
ประเมินรายได้เพิ่มไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาทต่อปี
และด้วยมูลค่าตลาด Cloud และ Data center ไทยที่สูงถึง 1.7 หมื่นล้านบาทในปี 2563 และคาดการณ์กันว่าจะโตเฉลี่ยกว่า 15% ต่อปีใน 3 ปีข้างหน้า ประกอบกับจุดเด่นของการร่วมทุนในครั้งนี้เป็นการร่วมลงทุนระหว่างผู้ประกอบการรายใหญ่ด้านโทรคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานของไทยและสิงคโปร์ จึงมองว่าศักยภาพรายได้จากโครงการนี้ต่อปีไม่ต่ำกว่าพันล้านบาท
ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยเลือกหุ้น ADVANC เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มสื่อสาร และยังชอบเกี่ยวกับความพร้อมในการเติบโตรอบด้าน ทั้งธุรกิจดั้งเดิมให้บริการมือถือ และธุรกิจใหม่ๆ เช่น FBB, B2B และ AISCB เป็นต้น อีกทั้งคาดมีโอกาสเกิด Upside สูงหากมีการตัดสินใจทำ Asset Monetization จากโครงข่ายเสาสัญญาณที่เป็นเจ้าของอยู่ไม่ต่ำกว่า 2.2 หมื่นต้น หรือการสร้างสภาพคล่องให้กับระบบ AIS Points เป็นต้น
ขณะที่ในระยะสั้นจะมีแรงเก็งกำไรจากการจ่ายเงินปันผลงวดครึ่งหลังปี 2564 ในอัตราที่สูงขึ้นได้ โดยหากอิง Payout สูงขึ้นเป็น 75-80% คาดว่า ADVANC จะจ่ายเงินปันผลได้ 3.3-3.7 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Yield 1.5%
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP