การที่ธนาคารออมสินเลือกให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยการริเริ่มแผน Net Zero นี้ เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าธนาคารได้รับรู้ถึงความสำคัญของการสร้างสรรค์ธุรกิจที่ยั่งยืน และสิ่งแวดล้อมที่มีความมั่นคงในอนาคต
Net Zero หมายถึงการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกไปในบรรยากาศจนกระทั่งเท่ากับปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่สามารถดูดซับได้ ซึ่งการลดก๊าซเรือนกระจกนี้สามารถช่วยลดผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสร้างสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืนได้
วิทัย รัตนากร ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน ได้ออกมายืนยันถึงเรื่องนี้ผ่านการเปิดเผยว่า คณะกรรมการธนาคารออมสินได้มีมติอนุมัติแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Emissions Roadmap ทั้ง 3 Scope ภายในปี 2050
ตามแผนในอีก 7 ปีข้างหน้า ตั้งเป้า Net Zero สำหรับ Scope 1 และ 2 ซึ่งเป็นการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของธนาคารจากการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงและไฟฟ้า ขณะที่ Scope 3 ที่เป็นการปล่อยก๊าซเรือนกระจกผ่านการให้สินเชื่อแก่ลูกค้าและการลงทุน
“ธนาคารจะดำเนินการคู่ขนานจนสามารถบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกในภาพรวมลงได้มากกว่า 50% ภายในปี 2030 และบรรลุเป้าหมาย Net Zero ในปี 2050”
สิ่งที่น่าสนใจคือ การที่ออมสินได้กำหนดแผนงดการปล่อยสินเชื่อแก่ธุรกิจเชื้อเพลิงถ่านหินและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง (No Coal and Coal Related Business) และเริ่มการใช้ ESG Score เป็นครั้งแรกในการประเมินลูกค้าที่ขอสินเชื่อ ทำให้ธนาคารสามารถเลือกที่จะสนับสนุนธุรกิจที่มีการดำเนินงานอย่างยั่งยืน และมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ การลงทุนในโครงการที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างการใช้พลังงานสะอาด โดยติดตั้ง Solar Rooftop ภายในสำนักงานใหญ่และสาขา การเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าในธุรกิจธนาคาร และส่งเสริมการปลูกป่า เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าที่ให้ความสำคัญต่อการรักษาสิ่งแวดล้อม ทำให้ธนาคารสามารถแข็งแกร่งและมีความยั่งยืนในธุรกิจระยะยาว