IPCC รายงานว่า สถานการณ์ปัจจุบันอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกร้อนขึ้นราว 1.2 องศาเซลเซียส และเมื่อยิ่งโลกร้อนมากขึ้นเท่าไร ความแปรปรวนของสภาพภูมิอากาศก็จะยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย โลกร้อนจึงเป็นภัยที่กระทบกับสุขภาพและการดำรงชีวิตของผู้คนทั่วโลกโดยตรง และเป็นภัยที่ทั่วโลกกำลังหาทางออกร่วมกัน
จากการประชุม COP26 เมื่อปี 2021 ทั่วโลกมีเป้าหมายสำคัญที่กำลังพยายามผลักดันร่วมกัน คือการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไว้ที่ 1.5 หรือ 2 องศาเซลเซียส ภายในปี 2030 เพื่อลดผลกระทบและภัยพิบัติทางธรรมชาติที่เพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
แม้ว่าปัจจุบัน ตัวเลขการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลกจากกิจกรรมของมนุษย์จะอยู่ในระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ แต่ในขณะเดียวกันรายงานล่าสุดจาก IPCC แสดงให้เห็นว่าอัตราการเติบโตของการปล่อยมลพิษทั่วโลกเฉลี่ยต่อปีได้ชะลอตัวลงในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ดังนั้น ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้านี้จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ทุกภาคส่วนจะช่วยกันให้บรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้
ด้วยเหตุนี้ ซีพี ออลล์ ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ บริษัทเอกชนชั้นนำของไทย จึงได้ประกาศเป้าหมายดำเนินงานความยั่งยืนภายใต้ผลการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล ประจำปี 2565 (Environmental, Social and Governance: ESG 2022) โดยการส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อชุมชน สังคม และประเทศชาติอย่างยั่งยืน และเพื่อให้สอดคล้องกับประชาคมโลก
7 Go Green นโยบายเพื่อสิ่งแวดล้อม 24 ชั่วโมง
สำหรับการขับเคลื่อนองค์กรเพื่อความยั่งยืนภายใต้กรอบ ESG 2022 ในด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) ซีพี ออลล์ ได้ร่วมพัฒนาชุมชนและสังคมควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ภายใต้นโยบาย 7 Go Green เพื่อสิ่งแวดล้อม 24 ชั่วโมง โดยมุ่งเน้นผลลัพธ์ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การลดใช้พลังงาน และการลด ละ เลิกใช้ถุงพลาสติก ตลอดจนมุ่งสร้างความตระหนักรู้คุณค่าของสิ่งแวดล้อมให้เกิดขึ้นในสังคมอย่างยั่งยืน
นโยบาย 7 Go Green เพื่อสิ่งแวดล้อม 24 ชั่วโมง ประกอบด้วยโครงการที่น่าสนใจหลายด้าน ได้แก่
1. Green Store: การบริหารจัดการร้าน การออกแบบให้ลดการใช้พลังงาน ผ่านการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อช่วยในการจัดการพลังงานให้มีประสิทธิภาพอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นการจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ
2. Green Packaging: โครงการที่ซีพี ออลล์ ออกนโยบายและแนวปฏิบัติด้านบรรจุภัณฑ์ เพื่อลดปริมาณการใช้ Single-Use Plastic ที่จะถูกส่งเข้าสู่กระบวนการฝังกลบให้เหลือน้อยที่สุด ผ่านแนวคิด ‘ลด ละ เลิก’ รวมทั้งคำนึงถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืนบนแนวคิดหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) โดยปัจจุบันได้เพิ่มชนิดของสินค้าและบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น กว่า 30 รายการ เช่น แก้วกระดาษย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ ไม้คนกาแฟ ถุงกระดาษ หลอดกระดาษ หลอดย่อยสลายได้ ฝายกดื่ม ฯลฯ
3. Green Living:การรณรงค์ส่งเสริมจิตสำนึกเพื่อสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างวัฒนธรรมและพฤติกรรมที่ลดปริมาณขยะพลาสติก ทั้งนี้ ซีพี ออลล์ ได้สานต่อโครงการ ‘ลดและทดแทน’ เพื่อส่งเสริมลดการใช้พลาสติกแบบครั้งเดียวทิ้ง เช่น โครงการลดวันละถุง คุณทำได้ ที่เชิญชวนให้ทุกคนปฏิเสธการใช้ถุงพลาสติกที่ร้านเซเว่น อีเลฟเว่น เพื่อแปรเปลี่ยนเป็นเงินสมทบทุนซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้กับโรงพยาบาลกว่า 200 โรงพยาบาลทั่วประเทศ
4. Green Logistics: การพัฒนานวัตกรรมด้านการขนส่งและการกระจายสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม มุ่งเน้นการจัดการพลังงานผ่านโครงการต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการขนส่ง และออกแบบศูนย์กระจายสินค้าทั่วประเทศเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
Green Logistics นวัตกรรมขนส่งที่ช่วยลดการใช้พลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
Green Logistics หรือโครงการนวัตกรรมขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คือหนึ่งในโครงการภายใต้นโยบาย 7 Go Green ที่น่าจับตามอง เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า ซีพี ออลล์ คือผู้จำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภครายใหญ่ และมีสาขาหลายพันสาขาทั่วประเทศ การจะกระจายสินค้าในแต่ละวันล้วนต้องใช้พลังงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ภายใต้นโยบายการดำเนินงานด้าน Green Logistics ซีพี ออลล์ได้เปลี่ยนวิธีคิดและลงทุนกับนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อให้การขนส่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น มาดูกันว่าในปี 2564 ที่ผ่านมา นวัตกรรมที่ซีพี ออลล์นำมาใช้ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง
-
Green Building: อาคารคลังสินค้าประหยัดพลังงาน
ซีพี ออลล์ ได้มีการออกแบบศูนย์กระจายสินค้า ภายใต้การประเมิน ‘อาคารเขียว’ หรือ ‘Green Building’ ซึ่งเป็นอาคารที่คำนึงถึงการลดการใช้พลังงาน การรักษาและพัฒนาพื้นที่รอบข้าง ลดการใช้น้ำ การเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และคำนึงถึงสภาพอยู่สบายของผู้ใช้อาคาร ซึ่งต้องเกิดจากความร่วมมือระหว่างเจ้าของอาคาร ผู้ออกแบบ ผู้ก่อสร้าง และผู้ใช้อาคาร
ศูนย์กระจายสินค้า ซีพี ออลล์ มหาชัย เป็นศูนย์กระจายสินค้าแห่งแรกของซีพี ออลล์ ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานอาคารเขียว (Green Building) ของ LEED (Leadership in Energy & Environmental Design) ในระดับทอง (Gold) ซึ่งเป็นมาตรฐานด้านอาคารเขียว และระบบการให้คะแนนเพื่อประเมินระดับความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของอาคารหรือสิ่งก่อสร้าง ซึ่งเป็นที่ยอมรับและถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก ถูกพัฒนาโดย USGBC (United States Green Building Council) ของสหรัฐอเมริกา
แนวคิดและหลักเกณฑ์ของอาคารเขียวมาตรฐาน LEED นั้นทุกๆ กระบวนการจะต้องคำนึงถึงความยั่งยืนและผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม เลือกใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ลดการใช้พลังงานหรือวัสดุรีไซเคิล เป็นต้น ซึ่งอาคารเขียวของซีพี ออลล์มีแนวคิดที่น่าสนใจดังนี้
- เลือกสถานที่เพื่อความยั่งยืน: เป็นพื้นที่เปิดโล่งสีเขียว มีพื้นที่จอดรถสำหรับจักรยานและรถที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและหลังคาและกำแพงที่มีค่าสะท้อนความร้อนสูง
- ลดการใช้น้ำ: เลือกใช้สุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ ช่วยลดการใช้น้ำประปาได้มากกว่า 40%
- ลดการใช้พลังงานในอาคาร: เลือกใช้ระบบปรับอากาศและระบบไฟฟ้ารอบอาคารที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยลดการใช้พลังงานในอาคารได้มากกว่า 20%
- คุณภาพสภาวะแวดล้อมในอาคาร แสงธรรมชาติส่องถึง เพิ่มปริมาณการนำเข้าอากาศบริสุทธิ์จากภายนอก
- ลดการใช้พลังงานในอาคาร: เลือกใช้ระบบปรับอากาศและระบบไฟฟ้ารอบอาคารที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้ลดการใช้พลังงานในอาคารได้มากกว่า 20%
- คุณภาพสภาวะแวดล้อมในอาคาร: แสงธรรมชาติส่องถึง เพิ่มปริมาณการนำเข้าอากาศบริสุทธิ์จากภายนอก
- การจัดการขยะและวัสดุ: ระบบการจัดการขยะในโครงการ เลือกใช้วัสดุรีไซเคิลและวัสดุท้องถิ่นในการก่อสร้าง
ผลการดำเนินงานปี 2564 สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 109 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 2,507 ต้นต่อปี
2. Renewable Energy: การติดตั้งหลังคาพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Rooftop)
การใช้พลังงานทางเลือกใหม่ โดยในปี 2565 จะทำการติดตั้งหลังคาพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar Rooftop) ในศูนย์กระจายสินค้าครบ 20 แห่ง เช่น พื้นที่ศูนย์กระจายสินค้า บางบัวทอง ภูเก็ต ชลบุรี ขอนแก่น หาดใหญ่ สุราษฎร์ธานี ฯลฯ
ผลการดำเนินงานปี 2564 สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 3,340 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 77,669 ต้นต่อปี
3. Energy Saving นำหลอด LED & Smart LED มาใช้ในศูนย์กระจายสินค้า
การลดการใช้พลังงาน ได้แก่ การติดตั้งไฟ LED และ Smart LED ในศูนย์กระจายสินค้าหลายแห่ง ซึ่งไฟ LED นี้จะทำงานอัตโนมัติเมื่อแสงสว่างไม่เพียงพอ ทำให้ลดการใช้ไฟในช่วงที่ไม่ใช้งานในคลังสินค้าได้เป็นอย่างดี
ผลการดำเนินงานปี 2564 สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 2,972 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ หรือเทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ 68,356 ต้นต่อปี
4. Green Transport: เปลี่ยนขนาดรถเพื่อการขนส่งที่คุ้มค่า
นอกจากเรื่องอาคารแล้ว ซีพี ออลล์ยังปรับเปลี่ยนขนาดรถขนส่งจากรถสี่ล้อธรรมดาเป็นรถสี่ล้อจัมโบ้ ซึ่งสามารถบรรจุได้มากขึ้นต่อเที่ยว 30% ทำให้สามารถลดจำนวนการใช้รถขนส่ง และลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงลดการปล่อยพลังงานสู่สิ่งแวดล้อม และได้นำเทคโนโลยีระบบโปรแกรมจัดเส้นทางขนส่ง เรียกว่า ‘Territory Planner (TP)’ เพื่อลดระยะทางขนส่งต่อเที่ยว และช่วยให้ประหยัดเชื้อเพลิงได้มากขึ้น เทคโนโลยีนี้จะช่วยคำนวณเส้นทางที่เหมาะสมทั้งระยะทางและเวลา เรียงลำดับร้านให้ไม่วกไปวนมา ใช้พื้นที่บรรทุกในรถขนส่งให้เต็มประสิทธิภาพ ไปจนถึงการใช้ประเภทรถที่เหมาะสมกับระยะทาง กฎจราจร และสถานที่จอดรถ
ข้อมูลจากศูนย์กระจาย ซีพี ออลล์ มหาชัย พบว่า ระยะทางรวมทุกสายส่ง ปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 62,466 กิโลเมตรต่อวัน หากไม่ได้มีการจัดสายส่งด้วยโปรแกรม TP ระยะทางอาจสูงขึ้นไปอีก 10% หรือรวมอยู่ที่ประมาณ 68,712 กิโลเมตรต่อวัน เท่ากับว่าเทคโนโลยีนี้สามารถลดระยะทางขนส่งโดยรวมได้ 5-20% ช่วยลดจำนวนรถบนท้องถนน ส่งผลให้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และมลภาวะสู่สิ่งแวดล้อมตามไปด้วย
ปัจจุบัน ซีพี ออลล์ มีศูนย์กระจายสินค้ารวม 36 แห่งทั่วประเทศ โดยในปี 2565 ได้ตั้งเป้าลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไว้ที่ 7,197.83 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ หรือเทียบเท่า 15,476.7 เมกะวัตต์-ชั่วโมงต่อปี เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 165,508 ต้นต่อปี
จากตัวอย่างด้านบนจะพบว่า หลายเรื่องที่ซีพี ออลล์ทำเริ่มต้นจากรายละเอียดเล็กๆ ของธุรกิจ แต่เมื่อผลลัพธ์ของโครงการเล็กๆ เหล่านี้รวมกันก็สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้มากกว่าที่คิด เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ ธุรกิจขนาดใดก็ตาม หรือแม้แต่ระดับครัวเรือนก็สามารถนำต้นแบบนี้ไปปรับใช้เพื่อลดการใช้พลังงานได้เช่นกัน และหากทุกภาคส่วนร่วมกันกำหนดนโยบาย วางกลยุทธ์ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และผลักดันให้เกิดขึ้นจริงได้ ในอนาคตข้างหน้าเราอาจจะช่วยกันรักษาโลกใบนี้ไม่ให้ร้อนขึ้นกว่าเดิมก็เป็นได้