Great Wall Motor ยักษ์ใหญ่ EV จีนขยายตลาดอาเซียน เตรียมส่งออกรุ่น Haval H6 ไฮบริดจากโรงงานระยองของไทยไปเวียดนามในเดือนสิงหาคมนี้ พร้อมเผยว่าอยู่ระหว่างหารือรัฐบาลไทยและซัพพลายเออร์ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (EVs) คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในปี 2568 เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางผลิตภูมิภาค ขณะที่ฟากฝั่ง BYD เปิดตัว ‘Denza N7’ รถสปอร์ตยูทิลิตี้ไฟฟ้ารุ่นใหม่อย่างร้อนแรง ท้าชน Tesla Model Y ยอดจองจากสตรีมทะลุ 20,000 คัน
เมื่อพูดถึงแบรนด์รถยนต์จีนที่มาแรงที่สุดในไทยเวลานี้ คงต้องยกให้ ‘Great Wall Motor’ หรือ GWM ผู้นำทัพไฮบริด Haval H6 และขวัญใจคอรถสายมินิมัล ORA Good Cat สร้างปรากฏการณ์แจ้งเกิดในไทยด้วยยอดขายถล่มทลาย รวมไปถึง BYD ที่มาแรงไม่แพ้กัน ทั้งสองค่ายถือเป็น ‘ผู้เล่นสำคัญ’ ที่มาบุกเบิกและปลุกกระแส EV จีนในไทยและตั้งฐานผลิตเพื่อบุกตลาดอาเซียน
สำนักข่าว Nikkei รายงานว่า Great Wall Motor อยู่ระหว่างวางแผนทำตลาดรถไฮบริด Haval H6 ที่ผลิตจากโรงงานจังหวัดระยอง ประเทศไทย เพื่อส่งออกไปยังเวียดนามที่เป็นใหญ่อันดับ 4 ของภูมิภาคในเดือนสิงหาคม ตามแผนการสร้างโรงงานประกอบรถยนต์พลังงานใหม่ที่กำหนดไว้ในปี 2568
สำหรับโรงงานที่ระยองของไทยถือเป็นโรงงานผลิตรถยนต์แบบครบวงจรในต่างประเทศแห่งที่สองจากจีน และบราซิล ที่เริ่มการผลิตในเดือนมิถุนายน 2564 โดยเริ่มผลิตรถยนต์ไฮบริด Haval H6 และ Haval Jolion ประมาณ 60% ที่ประกอบและจำหน่ายในประเทศไทย ส่วนที่เหลืออีก 40% ส่งออกไปต่างประเทศ
ตัวแทนของ Great Wall Motor ระบุอีกว่า ขณะนี้กำลังหารือกับรัฐบาลไทยและซัพพลายเออร์หลักเกี่ยวกับแผนการที่จะเริ่มผลิตรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (EVs) ประมาณปี 2568 ในประเทศ เพื่อผลักดันให้ไทยให้เป็นศูนย์กลางการผลิต EV ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ผู้ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน SVOLT Energy Technology ซึ่งแยกตัวออกจาก Great Wall Motor ในปี 2561 มีแผนจะสร้างโรงงานในประเทศไทยเพื่อผลิตชุดแบตเตอรี่ในไทยอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การเข้าสู่เวียดนามถือเป็นความพยายามครั้งใหม่ของ Great Wall Motor ในการบุกตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยปัจจุบันมีสำนักงานในประเทศไทย มาเลเซีย ลาว กัมพูชา ฟิลิปปินส์ และบรูไน และมีแผนขยายไปยังประเทศอื่นๆ ในอาเซียนที่สิงคโปร์และอินโดนีเซีย
สำหรับรุ่น Haval H6 HEV ได้ครองตำแหน่งรถ SUV ขนาดกลาง (C-Segment) ที่ขายดีที่สุดอย่างต่อเนื่อง และสามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำยานยนต์ไฟฟ้าได้นับตั้งแต่ปีแรกที่เข้าสู่ประเทศไทย ในขณะเดียวกัน น้องเหมียว ORA Good Cat สามารถครองส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของไทยมากถึง 1 ใน 3 ในปี 2565 ถือเป็นข้อพิสูจน์ถึงความนิยมในหมู่ผู้บริโภคชาวไทย ทั้งการขับขี่และเทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ส่งผลให้ Great Wall Motor เติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดประเทศไทยหลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2564 มียอดขาย 11,616 คันในประเทศในปี 2565 เพิ่มขึ้น 214% เมื่อเทียบเป็นรายปี ตามตัวเลขที่เปิดเผยในเดือนมกราคม
ขณะเดียวกัน ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติจีนรายอื่นๆ ก็กำลังมองหาตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เช่นกัน รวมถึง Aion ของ Guangzhou Automobile Group โดยล่าสุดลงนามในข้อตกลงกับตัวแทนจำหน่ายในประเทศเพื่อขาย EV ในประเทศไทย Aion ยังวางแผนที่จะผลิตในประเทศไทย เนื่องจากมีเป้าหมายที่จะสร้างสำนักงานใหญ่ระดับภูมิภาคในประเทศภายในสิ้นปีนี้อีกด้วย
BYD เปิดตัวรถ SUV ท้าชน Tesla Model Y
ฟากค่ายยักษ์ใหญ่จากจีนอีกค่าย BYD เปิดตัวรถสปอร์ตยูทิลิตี้ไฟฟ้ารุ่นใหม่ ‘Denza N7’ มีทั้งหมด 6 รุ่น ราคาเริ่มต้นที่ 301,800 หยวน โดยรุ่นนี้มาพร้อมกับคุณสมบัติและราคาที่มุ่งเป้าไปที่กลุ่มรถครอสโอเวอร์ขนาดกลางระดับพรีเมียม ซึ่งมีคู่แข่งอย่าง Tesla Model Y และ NIO และได้รับเสียงตอบรับทันทีจากการเปิดตัวครั้งนี้ผ่านการสตรีมที่มีผู้เข้าชมเกือบ 2 ล้านครั้งบน Weibo ซึ่งได้รับคำสั่งซื้อล่วงหน้ามากกว่า 20,000 คัน
นักวิเคราะห์ของ Morgan Stanley รวมถึง Tim Hsiao และ Cindy Huang กล่าวว่า BYD คาดว่ายอดขาย N7 ต่อเดือนจะเพิ่มขึ้นเป็น 5,000-10,000 คันภายในสิ้นปี 2566 และควรติดตามรุ่นที่เทียบเคียง เช่น ES6 ของ NIO และ L7 ของ Li Auto เช่นเดียวกับรุ่นเครื่องยนต์สันดาปภายในของแบรนด์หรู เช่น X3 ของ BMW และ GLC ของ Mercedes-Benz Group ที่อาจเป็นคู่แข่งรุ่นใกล้เคียงกัน
โดยความต่างรุ่นนี้มีคุณสมบัติของการชาร์จแบตเตอรี่อย่างรวดเร็วและเทคโนโลยีการขับขี่ไปจนถึงความบันเทิงในรถยนต์ พร้อมกับจอแสดงผลจากเทคโนโลยี AR เพื่อฉายข้อมูลแบบดิจิทัลเหนือถนนด้านหน้าคนขับ ใช้เทคโนโลยีดูดซับแรงกระแทกแบบใหม่ตามฉบับบของ BYD เพื่อการขับขี่ที่นุ่มนวลขึ้น ซึ่งคู่แข่งในประเทศอื่นยังไม่มีจำหน่าย
อ้างอิง: