วันนี้ (23 มิถุนายน) เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา กลุ่มผู้ขับขี่ GrabBike นัดรวมกันที่บริเวณเซ็นทรัลเวิลด์ก่อนจะเดินทางไปที่รัฐสภาและกระทรวงคมนาคม เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้ออกกฎหมายรองรับอาชีพจักรยานยนต์รับจ้างผ่านแอปพลิเคชัน และขอให้ชะลอยกเลิกการให้บริการรถป้ายขาว GrabBike
ขณะที่กรมการขนส่งทางบกเปิดเผยว่า ได้รับทราบการประกาศเปลี่ยนแปลงรูปแบบการให้บริการ GrabBike ของบริษัท แกร็บ ประเทศไทย โดยยืนยันว่าจะนำรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลออกจากระบบ พร้อมแจ้งว่าจะยุติการให้บริการในอีก 30 วันข้างหน้า ตามคำสั่งของกรมการขนส่งทางบก
สืบเนื่องจากกระทรวงคมนาคมมีนโยบายส่งเสริมการให้บริการรถยนต์รับจ้างผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยผู้ให้บริการแอปพลิเคชันต้องขึ้นทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก เพื่อให้ภาครัฐสามารถควบคุมกำกับดูแลการให้บริการที่ปลอดภัย และเกิดการแข่งขันในการพัฒนาการให้บริการภายใต้กติกาเดียวกัน ซึ่งหลังจากประกาศเปิดรับคำขอตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2564 มีแอปพลิเคชันที่ได้รับการรับรองแล้วจำนวน 2 ราย ได้แก่ Hello Phuket Service และ Bonku
แต่สำหรับ Grab พบว่า มีการให้บริการเรียกรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล (ป้ายขาว) มาใช้รับจ้างบรรทุกคนโดยสาร ซึ่งนอกจากจะเป็นความผิดตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ฐานใช้รถไม่ตรงตามประเภทที่จดทะเบียนแล้ว ยังคิดอัตราค่าโดยสารและค่าบริการไม่เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด กรมการขนส่งทางบกจึงไม่สามารถรับรองระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการให้บริการในลักษณะที่นำไปสู่การฝ่าฝืนกฎหมายดังกล่าวได้
กรมการขนส่งทางบกระบุว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้ผ่อนผันและขอความร่วมมือ Grab ให้ปรับปรุงรูปแบบให้บริการ เพื่อนำไปสู่การยกเลิกการให้บริการรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล (ป้ายขาว) โดยให้เปลี่ยนไปเป็นการให้บริการรับส่งอาหารหรือสิ่งของแทน และใช้รถจักรยานยนต์สาธารณะที่ถูกต้องตามกฎหมายที่มีอยู่ในระบบมาให้บริการรับส่งคนโดยสารผ่านแอปพลิเคชัน เพื่อลดปัญหาความขัดแย้งระหว่าง Grab และผู้ขับรถจักรยานยนต์สาธารณะ แต่บริษัทยังคงไม่ดำเนินการแต่อย่างใด
กรมการขนส่งทางบกจึงต้องแจ้งให้นำการให้บริการที่นำไปสู่การฝ่าฝืนกฎหมายออกจากแอปพลิเคชัน อย่างไรก็ตาม ไรเดอร์ยังคงสามารถให้บริการส่งอาหารหรือสิ่งของได้ (Food Delivery และ Express) เนื่องจากการใช้รถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลในลักษณะดังกล่าวมิได้ขัดต่อกฎหมายแต่ประการใด
ข้อมูลจากกรมการขนส่งทางบกระบุว่า ปัจจุบันมีรถจักรยานยนต์สาธารณะในเขตกรุงเทพมหานครกว่า 78,000 คัน ในกว่า 5,300 วินที่พร้อมให้บริการแก่ประชาชนในทุกพื้นที่ ซึ่งจดทะเบียนเป็นรถจักรยานยนต์สาธารณะอย่างถูกต้อง ผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ต้องสวมเสื้อวิน มีบัตรติดเสื้อ โดยข้อมูลตัวคน บัตร และรถต้องถูกต้องตรงกัน เพื่อความปลอดภัยในการใช้บริการและได้รับการคุ้มครองสิทธิประโยชน์ตามกฎหมาย