×

GPSC จับมือ Seaborg Technologies พาร์ตเนอร์เดนมาร์ก ร่วมกันศึกษาความเป็นไปได้พัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กในไทย

24.03.2025
  • LOADING...
gpsc-seaborg-partnership

บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จับมือ Seaborg Technologies จากเดนมาร์ก ศึกษาความเป็นไปได้พัฒนาเทคโนโลยี SMR ในไทย ตั้งเป้าหมายเป็นเทคโนโลยีที่สร้างเสถียรภาพด้านพลังงาน มีความปลอดภัยสูง

 

ศิริเมธ ลี้ภากรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC บริษัทแฟลกชิปธุรกิจไฟฟ้าในกลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่า สถานการณ์ความต้องการด้านพลังงานสะอาดที่มีเสถียรภาพในการส่งมอบทั้งไฟฟ้าและไอน้ำในประเทศไทย มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยข้อจำกัดของพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์หรือพลังงานลม ฯลฯ ที่ไม่สามารถผลิตไอน้ำได้ ในขณะที่การผลิตไฟฟ้ายังคงไม่มีความต่อเนื่องขึ้นกับสภาพอากาศ 

 

ดังนั้น GPSC จึงเร่งศึกษาพัฒนานวัตกรรมพลังงานสะอาดประเภทอื่นๆ ที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนภาคการผลิตของประเทศไทยให้สามารถรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันด้านต้นทุนพลังงาน ควบคู่กับการลดการปล่อยคาร์บอน สู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของประเทศไทยภายในปี 2608

 

โดยขณะนี้ GPSC ได้ให้ความสนใจในเทคโนโลยี Small Modular Reactor หรือ SMR ในเจเนอเรชันที่ 4 ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าผลิตพลังงานแบบโมดูลาร์ขนาดเล็ก มีลักษณะเป็นโมดูลที่ผลิตและประกอบเบ็ดเสร็จจากโรงงานผู้ผลิต สามารถขนย้ายได้ โดยร่วมกับบริษัท Seaborg Technologies จากประเทศเดนมาร์ก เพื่อศึกษาความเป็นไปได้และความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ในการพัฒนาโครงการฯ ซึ่งกำหนดแผนระยะเวลาในการศึกษา 4 ปี (ระหว่างปี 2567-2570)

 

นอกจากนี้จากรายงานตัวเลขของไทยที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สูงถึง 250 ล้านตันต่อปีนั้น แบ่งเป็นแหล่งที่มาจากกลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้า 37% การขนส่งคมนาคม 34% ภาคอุตสาหกรรม 24% และภาคเศรษฐกิจอื่นๆ 5% โดยที่ไทยมีแผนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จนถึงปี 2593 โดยเน้นไปที่กลุ่มผู้ผลิตไฟฟ้า ให้มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลงจากปี 2562 ที่ 100 ล้านตัน จนไปถึงปี 2593 จะอยู่ที่ 41 ล้านตัน 

 

แต่ในส่วนของภาคอุตสาหกรรมปี 2562 อยู่ที่ 42 ล้านตัน แต่ช่วงปี 2593 กลับขึ้นมาเป็นประมาณ 50 ล้านตัน แสดงว่าแผนการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่ประสบความสำเร็จในกลุ่มอุตสาหกรรม เพราะว่าภาคอุตสาหกรรมจำเป็นต้องใช้พลังงานความร้อน (Thermal Energy) ซึ่งไม่สามารถผลิตจากพลังงานหมุนเวียนประเภทแสงอาทิตย์หรือลมได้

 

ในขณะที่ทุกภาคส่วนกำลังติดตามเรื่องนโยบาย CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) ของสหภาพยุโรป ที่ได้กำหนดราคาคาร์บอนสำหรับสินค้าบางรายการที่นำเข้าไปในกลุ่มประเทศยุโรป มีผลบังคับใช้ในปี 2569 หากเอกชนยังไม่สามารถเข้าถึงแหล่งพลังงานสะอาดได้หรือมีพลังงานหมุนเวียนไม่เพียงพอ จะส่งผลต่อความสามารถในการแข่งขันลดลง หรือโดนกำแพงภาษีเพิ่มขึ้น ในขณะที่เทคโนโลยี SMR สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ในหลายรูปแบบ อาทิ การผลิตไฮโดรเจน การผลิตไอน้ำ การใช้เป็นแหล่งพลังงานสีเขียวในกระบวนการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCS)

 

“สำหรับกระบวนการศึกษาความเป็นไปได้กับผู้เชี่ยวชาญจาก Seaborg จะสามารถทำให้ GPSC เข้าถึงมาตรฐานความปลอดภัยของเทคโนโลยี SMR ตามข้อกำหนดของทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) อย่างไรก็ตาม การศึกษาความเป็นไปได้ SMR จะต้องดำเนินการตามกฎระเบียบที่ภาครัฐกำหนดและรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วนภายในประเทศที่เกี่ยวข้องด้วย ทั้งด้านกฎหมาย ผลกระทบสิ่งแวดล้อม และความปลอดภัย เพื่อให้เป็นที่ยอมรับจากทุกฝ่าย โดยเฉพาะเรื่องความปลอดภัยและความคุ้มค่าทางเศรษฐศาสตร์ โดยคาดว่าภายในปี 2578 จะเห็นเทคโนโลยี SMR ในเชิงพาณิชย์ได้ในต่างประเทศ” ศิริเมธกล่าว

 

ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานให้นิยามว่า SMR (Small Modular Reactor) คือเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบโมดูลาร์ขนาดเล็ก ซึ่งเป็นนวัตกรรมล้ำสมัยในเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์ เป็นรุ่นจิ๋วของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดมหึมา

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising