เกิดอะไรขึ้น:
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2566 บมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) รายงานกำไรสุทธิ 1Q66 อยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 257%YoY และฟื้นตัวจากขาดทุนใน 4Q65) ดีกว่าตลาดคาด
โดยได้แรงหนุนจากราคาขายไฟฟ้าลูกค้าอุตสาหกรรม (IU) ที่ปรับเพิ่มขึ้น เนื่องจากรัฐบาลได้ปรับค่า Ft สำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าประเภทอื่นๆ (ที่ไม่ใช่ประเภทบ้านอยู่อาศัย) เพิ่มขึ้นจาก 0.9343 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง สู่ 1.5492 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง สำหรับงวดเดือนมกราคม-เมษายน 2566 และต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลง
กำไรสุทธิที่ไม่รวมค่าตัดจำหน่ายก็เพิ่มขึ้นจาก 21 ล้านบาทใน 4Q65 สู่ 1.6 พันล้านบาทใน 1Q66 ทั้งๆ ที่มีการหยุดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า GHECO-One ตามแผน และกำไรจาก XPCL (โรงไฟฟ้าพลังน้ำ) ลดลง
การหยุดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า GHECO-One ส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อย กำไรขั้นต้นของธุรกิจ IPP อยู่ในระดับทรงตัว QoQ แม้ว่าปริมาณการขายไฟฟ้าลดลง 67%QoQ สู่ 838 กิกะวัตต์ชั่วโมง โดยมีสาเหตุมาจากการหยุดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า GHECO-One ตามแผนเป็นเวลา 54 วัน เนื่องจากได้แรงหนุนจากยอดขายไฟฟ้าที่สูงขึ้นจากโรงไฟฟ้าห้วยเหาะ (โรงไฟฟ้าพลังน้ำในลาว) และรายได้ค่าความพร้อมจ่ายที่สูงขึ้นของโรงไฟฟ้าศรีราชา
อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจ IPP เพิ่มขึ้นจาก 11% ใน 4Q65 สู่ 27% เพราะต้นทุนสต๊อกถ่านหินสำหรับโรงไฟฟ้า GHECO-One ลดลง
กำไรของธุรกิจ SPP เพิ่มขึ้น เพราะมาร์จิ้นกว้างขึ้น ค่า Ft ที่ปรับเพิ่มขึ้นจาก 0.9343 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง สู่ 1.5492 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง ใน 1Q66 ต้นทุนก๊าซและถ่านหินที่ลดลง ช่วยหนุนให้อัตรากำไรขั้นต้นธุรกิจ SPP ของ GPSC เพิ่มขึ้นจาก 4% ใน 4Q65 สู่ 15% ใน 1Q66 ต้นทุนถ่านหินลดลง 9%QoQ แต่ยังคงเพิ่มขึ้น 118%YoY ในขณะที่ต้นทุนก๊าซลดลง 5%QoQ สู่ 505 บาท / mmbtu
กำไรขั้นต้นของธุรกิจ SPP เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 121.7%YoY และ 255.4%QoQ แม้ว่าปริมาณการขายไอน้ำลดลง 17.7%YoY และ 5.2%QoQ โดยมีสาเหตุมาจากอุปสงค์ที่ลดลงจากลูกค้าอุตสาหกรรมในธุรกิจปิโตรเคมี
ส่วนกำไรจากบริษัทร่วมลดลงต่อเนื่องใน 1Q66 โดยกำไรจากบริษัทร่วมลดลง 21%YoY และ 60%QoQ โดยมีสาเหตุมาจากส่วนแบ่งขาดทุนจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรี (ถือหุ้น 25%) เพราะปัจจัยฤดูกาล และจากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานลมในไต้หวัน (CFXD) ซึ่งได้รับการชดเชยบางส่วนจากส่วนแบ่งกำไรจาก Avaada (ถือหุ้น 42%) ที่ 128 ล้านบาท เทียบกับขาดทุน 36 ล้านบาทใน 4Q65 สะท้อนถึงการบันทึกส่วนต่างรายได้ค่าไฟฟ้าจากโครงการที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วบางโครงการ (รวมถึงจำนวนย้อนหลัง 64 ล้านบาท) และกำลังการผลิตดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น
กระทบอย่างไร:
วันที่ 9 พฤษภาคม ณ 12.30 น. ราคาหุ้น GPSC ปรับลดลง 0.38%DoD อยู่ที่ระดับ 65.75 บาท ขณะที่ SET Index ปรับเพิ่มขึ้น 0.27%DoD สู่ระดับ 1,566.41 จุด
แนวโน้มผลประกอบการปี 2566:
สำหรับแนวโน้ม 2Q66 InnovestX Research ยังคงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการของ GPSC สืบเนื่องมาจากแรงกดดันจากต้นทุนพลังงานที่ลดลง
โมเมนตัมเชิงบวกนี้จะเกิดขึ้นต่อเนื่องใน 2Q66 แม้ว่าจะมีการปรับค่า Ft ลดลงสู่ 0.9119 บาทต่อกิโลวัตต์-ชั่วโมง สำหรับงวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม 2566 ราคา LNG คาดว่าจะค่อยๆ ลดลงหลังจากทำจุดสูงสุดในเดือนมกราคม 2566 และมีก๊าซจากแหล่งในประเทศมากขึ้น
นอกจากนี้ราคาถ่านหินก็คาดว่าจะลดลงอีก จาก 385 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันใน 1Q66 สู่ราคาเฉลี่ย <300 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในปี 2566
ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในอินเดีย (AEPL) จะพลิกกลับมามีกำไรที่ 200 ล้านบาทในปี 2566 โดยอิงกับกำลังการผลิตดำเนินงานในปัจจุบัน เทียบกับขาดทุนสุทธิ 301 ล้านบาทในปี 2565
ส่วนแบ่งกำไรจากการถือหุ้น 25% ใน CFXD ในปี 2566 คาดว่าจะอยู่ที่ 100-150 ล้านบาท โดยที่กำลังการผลิตทั้งหมดจะดำเนินการเชิงพาณิชย์ในช่วงปลายปี 2566
ทั้งนี้ ปี 2566 คาดว่ากำไรสุทธิจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งที่ 6,805 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากกำไรสุทธิ 891 ล้านบาทในปี 2565 โดยกลยุทธ์การลงทุนยังคงเรตติ้ง Outperform สำหรับ GPSC ด้วยราคาเป้าหมายอ้างอิงวิธี DCF ที่ 84 บาทต่อหุ้น
ส่วนปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่ต้องติดตามคือ ต้นทุนเชื้อเพลิงสูงกว่าคาด, การเลื่อนปรับค่า Ft, ผลตอบแทนจากโครงการลงทุนใหม่ต่ำกว่าคาด และการเปลี่ยนแปลงกฎหมายเกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ‘กอบศักดิ์’ แนะทยอยซื้อหุ้นเทคสหรัฐฯ เชื่อผลตอบแทนในอีก 1-2 ปีข้างหน้าดีกว่าฝากแบงก์
- เปิดพอร์ตพันล้าน ‘เฮียฮ้อ-สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์’ ถือหุ้นอะไรบ้าง
- หุ้นไทย SET ดิ่ง 90 จุด ใน 3 วัน! โบรกชี้ภาวะ Panic Sell พ่วงแรงขายจาก ‘การบังคับขาย’ แต่ 1,520 จุด อาจไม่ใช่จุดขายแล้ว!