×

รัฐบาลเร่งคลี่คลายอุทกภัย 5 จังหวัด พร้อมวางแผนรับมือน้ำหลาก ส.ค.-ก.ย.นี้

โดย THE STANDARD TEAM
30.07.2025
  • LOADING...

วันนี้ (30 กรกฎาคม) ประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะประธานกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) เปิดเผยว่า อิทธิพลของพายุวิภาที่ผ่านมา ส่งผลให้มีฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคกลางด้านตะวันตก แม้พายุได้อ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำ และมีร่องมรสุมพาดผ่านในภาคเหนือเป็นเวลาต่อมา

 

รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ได้มอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการการดำเนินงานผ่านศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า (ชั่วคราว) ในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย ทั้ง 4 ลุ่มน้ำ ได้แก่

 

  • ลุ่มน้ำชายฝั่งทะเลตะวันออกและลุ่มน้ำบางปะกง ณ จังหวัดระยอง ซึ่งมีนิคมอุตสาหกรรมสำคัญ โดยเร่งระบายน้ำลงทะเล และซ้อมแผน
  • ลุ่มน้ำโขงเหนือ ณ จังหวัดเชียงราย เป็นพื้นที่รองรับน้ำจากเมียนมา ซึ่งแม่น้ำสาย แม่น้ำกก น้ำท่วมฉับพลันบ่อยครั้ง ได้ขุดลอกลำน้ำ เสริมแนวกั้นน้ำ เฝ้าระวังร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อวางแผนป้องกัน
  • ลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ ณ จังหวัดหนองคาย ประสานงานการระบายน้ำจากเขื่อนใน สปป.ลาว และเสริมคันกั้นน้ำ เพื่อลดความเสี่ยงน้ำโขงล้นตลิ่ง
  • ลุ่มน้ำยม-น่าน ณ จังหวัดสุโขทัย น้ำเหนือส่วนมากเคลื่อนผ่านบริเวณนี้ จึงต้องบริหารจราจรน้ำข้ามลุ่มน้ำและข้ามจังหวัด ก่อนเข้าสู่แม่น้ำเจ้าพระยา โดยได้ลดการปล่อยน้ำเพื่อควบคุมการเคลื่อนของน้ำในพื้นทีสุโขทัยได้อย่างปลอดภัย และรองรับน้ำไว้ใช้หลังฤดูเก็บเกี่ยว ซึ่งต้องขอบคุณพี่น้องประชาชนเกษตรกรในพื้นที่บางระกำโมเดลที่เสียสละให้เป็นพื้นที่หน่วงน้ำ

 

ปัจจุบันยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยใน 5 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย น่าน แพร่ ตาก และสุโขทัย

 

ในส่วนของจังหวัดเชียงราย มี 8 อำเภอได้รับผลกระทบประมาณ 60,000 คน โดยเฉพาะในอำเภอแม่สายที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด คาดว่าจะคลี่คลายในช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ หากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่ม

 

สถานการณ์ล่าสุด เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2568 พบว่ามีฝนตกหนักในพื้นที่ลุ่มน้ำสาละวิน บริเวณจังหวัดตาก โดยเฉพาะที่ตำบลแม่ตาว อำเภอแม่สอด ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเมยเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วและเอ่อล้นตลิ่งในหลายจุด หน่วยงานในพื้นที่ได้เข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง คาดว่าสถานการณ์จะเริ่มคลี่คลายลงภายใน 3-5 วัน

 

จังหวัดน่าน เป็นพื้นที่ที่มีปริมาณฝนสะสมสูงสุดของประเทศ โดยบริเวณตำบลยอด อำเภอสองแคว มีฝนสะสมมากกว่า 500 มิลลิเมตร ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน 12 อำเภอ ประชาชนได้รับผลกระทบ 80,000 คน ขณะนี้ระดับน้ำกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง ได้ปรับการระบายน้ำให้สอดคล้องกับปริมาณฝนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น คาดว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติได้ภายในสัปดาห์หน้า

 

จังหวัดแพร่ ได้รับผลกระทบ 8 อำเภอ ขณะที่จังหวัดสุโขทัยได้รับผลกระทบ 5 อำเภอ แม้ว่าสถานการณ์โดยรวมจะคลี่คลาย แต่ยังคงมีน้ำท่วม โดยเร่งระบายน้ำทุกจุดเต็มศักยภาพ อีกทั้งได้เตรียมพร้อมพื้นที่ทุ่งบางระกำซึ่งใช้หน่วงน้ำได้ถึง 400 ล้านลูกบาศก์เมตร คาดว่าจะกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติในช่วงสิ้นเดือนกรกฎาคม

 

ขณะเดียวกัน รัฐบาลยังได้สั่งการให้บูรณาการบริหารจัดการในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างอย่างใกล้ชิด โดยเร่งระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาที่รับน้ำมาจากภาคเหนือ ให้สอดคล้องกับน้ำท้ายเขื่อนเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชนและเขตเศรษฐกิจในจังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง และพระนครศรีอยุธยา

 

รวมถึงให้ประสานการบริหารระดับน้ำกับพื้นที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยาไปจนถึงเขื่อนพระรามหกและเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรองรับน้ำฝนระลอกใหม่ในเดือนสิงหาคม-กันยายน ลดความเสี่ยงจากสถานการณ์น้ำหลากในพื้นที่ตอนล่างของลุ่มน้ำ

 

ทั้งนี้ ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานบริหารจัดการสถานการณ์ร่วมกันอย่างเข้มแข็งตลอดช่วงฤดูฝนปีนี้ ได้แจ้งเตือนภัยครอบคลุมพื้นที่น้ำหลาก อุทกภัย ระดมความช่วยเหลือ ประชาชนสามารถติดตามข้อมูลสถานการณ์น้ำแบบเรียลไทม์และข่าวสารผ่านช่องทาง ได้แก่ Application และ Website: Nation Thai Water, LINE ไทยคู่ฟ้า และ ช่องทางแชท Facebook ของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ซึ่งเปิดให้สอบถามและติดตามข้อมูลได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือขอความช่วยเหลือผ่านสายด่วน ปภ.เตือนภัย ที่โทรศัพท์หมายเลข 1748

 

ส่วนจะต้องมีการเตรียมการรับมือพายุลูกใหม่ในช่วงฤดูฝนหรือไม่ ประเสริฐ​กล่าวว่า ขณะนี้ก็อยู่ในช่วงฤดูฝนอยู่แล้ว ต้องเฝ้าระวังอยู่ตลอด และยังไม่ได้รับรายงานว่าจะมีพายุลูกใหม่ๆ เกิดขึ้นในขณะนี้ แต่ก็มีการเตรียมมาตรการต่างๆ ไว้รอรับกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่แล้ว

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising