วันนี้ (10 กุมภาพันธ์) ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ราคาเนื้อหมูซึ่งเป็นสินค้าเฝ้าระวังในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเริ่มมีการปรับราคาลงมาอย่างเห็นได้ชัดแล้ว โดยราคาจำหน่ายหมูเนื้อแดงส่วนสะโพก ไหล่ ไม่รวมหมูเนื้อแดงปรุงแต่ง อยู่ที่กิโลกรัมละ 164-170 บาท ลดจากวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมาที่ราคาเฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 187 บาท และตอนนี้เฉลี่ยทั้งประเทศกิโลกรัมละ 175 บาท
ทั้งนี้ เป็นไปตามการสั่งการของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ให้มีการกำกับติดตามสถานการณ์ราคาสินค้า แก้ไขปัญหา และดำเนินคดีกับผู้ฝ่าฝืนและกระทำความผิดตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยได้มีการจัดชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจออกตรวจสอบห้องเย็นและโรงเชือด ที่ประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) กำหนดให้แจ้งการเก็บสต๊อกเนื้อหมูตั้งแต่ 5,000 กิโลกรัมขึ้นไป โดยมีผู้แจ้ง 404 ราย มีเนื้อหมูในสต๊อก 15.5 ล้านกิโลกรัม สำหรับรายที่ไม่แจ้งก็มีการตรวจสอบด้วย โดยตรวจรวม 616 ราย รวมมีเนื้อหมู 19.5 ล้านกิโลกรัม พบผู้กระทำผิด 12 ราย ส่งฟ้องและมีคำพิพากษาแล้ว 3 ราย อยู่ระหว่างดำเนินคดี 9 ราย
นอกจากนี้ยังจัดชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจออกตรวจสอบสถานการณ์ราคาสินค้าทั้งในกรุงเทพมหานคร (กทม.) และต่างจังหวัด ซึ่งใน กทม. ได้ตรวจสอบตลาดสด 103 แห่ง ห้างค้าส่งค้าปลีก 101 แห่ง และในต่างจังหวัดก็ตรวจสอบทั้งตลาดสดและห้างเช่นเดียวกัน โดยรายที่พบการกระทำผิดกฎหมาย เช่น ไม่ปิดป้ายแสดงราคา ขายเกินราคา ได้ดำเนินการตามกฎหมายแล้ว
ขณะเดียวกันราคาสินค้าอุปโภค-บริโภคจำเป็นอื่นๆ ก็เริ่มทยอยปรับราคาลงเช่นกัน อาทิ เนื้อไก่ ราคาจำหน่ายในห้าง เนื้อน่องติดสะโพกกิโลกรัมละ 65 บาท ส่วนในตลาดสดราคาแตกต่างกันแต่ละพื้นที่ เฉลี่ยอยู่ที่กิโลกรัมละ 70-75 บาท และคาดว่าแนวโน้มราคาจะยังทรงตัวต่อไป ส่วนน้ำมันพืชปาล์มราคาที่สำรวจจากร้านสะดวกซื้ออยู่ที่ขวดลิตรละ 64-65 บาท และในห้าง 61-62 บาท โดยราคามีแนวโน้มลดลงและทรงตัวในระดับนี้ต่อไปอีกประมาณ 2 สัปดาห์ ผักสดมีราคาทั้งเพิ่มขึ้นและลดลงตามแต่ละพื้นที่ โดยมีต้นทุนค่าขนส่งเป็นตัวแปร ส่วนสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วๆ ไปราคาทรงตัว ยกเว้นภาคใต้ที่ราคาอาจจะสูงกว่าภาคอื่นเล็กน้อย เนื่องจากมีต้นทุนในเรื่องค่าขนส่งจากระยะทางที่ไกล
“การสั่งการอย่างเร่งด่วนและแก้ปัญหาอย่างตรงจุดของนายกฯ เพื่อให้มีการติดตามและดำเนินการโดยเร่งด่วนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนผ่านมาตรการต่างๆ ที่นำมาปรับใช้ อาทิ การเร่งให้มีการติดตามกรณีปัญหาราคาเนื้อหมูที่ปรับตัวสูงขึ้นผ่านกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การแก้ปัญหาราคาเนื้อหมูแพงทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว ด้วยการตรวจสอบสต๊อกเนื้อหมูอย่างเข้มข้นของเจ้าหน้าที่ การชะลอการส่งออหมู เพื่อให้มีปริมาณหมูอยู่ในประเทศเพียงพอต่อความต้องการ การขึ้นทะเบียนฟาร์มหมูกับผู้เลี้ยงรายเล็ก-ย่อย ตลอดจนการจัดทำบัญชีคุมสินค้า ซึ่งต้องแสดงปริมาณการเลี้ยง ปริมาณการซื้อ ราคาซื้อ ราคา ปริมาณการจำหน่าย และปริมาณคงเหลือเพื่อให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบได้ ล้วนส่งผลให้เกิดการแก้ปัญหาราคาเนื้อหมูอย่างเป็นระบบ ทำให้มีการปรับราคาลงมาอย่างเห็นได้ชัด และคาดว่าจะลดลงอีก ซึ่งเป็นการจัดการอย่างเด็ดขาดและจริงจังของนายกรัฐมนตรี” ธนกรกล่าว