สหรัฐฯ กำลังเผชิญความเสี่ยงที่จะต้องชัตดาวน์หน่วยงานของรัฐบาลกลางและการผิดนัดชำระหนี้ หลังวุฒิสมาชิกสังกัดพรรครีพับลิกันไม่โหวตรับรองร่างกฎหมายที่จะช่วยหน่วยงานกลางของรัฐบาลมีงบประมาณใช้จ่ายต่อไปและไม่ต้องถูกปิดการดำเนินงาน รวมถึงการขยายเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ไปจนถึงสิ้นปี 2022
โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา วุฒิสมาชิกสังกัดพรรครีพับลิกันมีมติ 48-50 เสียง ไม่สนับสนุนร่างกฎหมายงบประมาณและขยายเพดานหนี้ที่ถูกเสนอโดยพรรคเดโมแครต ส่งผลให้ ชัค ชูเมอร์ ผู้นำวุฒิสมาชิกฝั่งเดโมแครต ต้องโหวตโนตามขั้นตอน เพื่อนำกฎหมายดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของสภาครองเกรสอีกครั้งในภายหลัง
สภาครองเกรสยังมีเวลาถึงเที่ยงคืนวันพฤหัสบดีในการผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว เพื่อหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์ ขณะเดียวกัน การขยายเพดานหนี้ก็จะต้องได้รับความเห็นชอบภายในอีกไม่กี่สัปดาห์ เพื่อหลีกเลี่ยงการผิดนัดชำระหนี้
พรรคเดโมแครตในเวลานี้กำลังเผชิญกับแรงกดดันในการหาวิธีหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์หน่วยงานของรัฐบาลกลางและการผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและการจ้างงานของสหรัฐฯ อย่างรุนแรง โดยมีความเป็นไปได้ที่พรรครีพับลิกันจะช่วยผ่านร่างกฎหมายงบประมาณเพื่อแก้ปัญหาระยะสั้น แต่จะบีบให้พรรคเดโมแครตต้องหาทางขยายเพดานหนี้เอง ซึ่งเดโมแครตอาจต้องหันไปหางบประมาณภายใต้แผนปรองดองมูลค่า 3.5 ล้านล้านดอลลาร์
“พรรครีพับลิกันแสดงให้เห็นว่าพวกเขาเป็นพรรคแห่งการผิดนัดชำระ ซึ่งผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่จะเกิดขึ้นคือชาวอเมริกัน แต่เราจะทำทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงการชัตดาวน์และการผิดนัดชำระ” ชูเมอร์กล่าว โดยไม่ได้ระบุว่าพรรคเดโมแครตจะเลือกใช้วิธีการใด
ในช่วงที่ผ่านมาพรรคเดโมแครตได้วิพากษ์วิจารณ์พรรครีพับลิกันอย่างต่อเนื่องว่ากำลังสร้างความเสี่ยงให้กับเศรษฐกิจสหรัฐฯ จากการไม่ยอมโหวตขยายเพดานหนี้
ก่อนหน้านี้ เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ ก็ได้ออกมาส่งสัญญาณถึงสมาชิกสภาครองเกรสว่า สหรัฐฯ กำลังจะหมดหนทางชำระหนี้ภายในเดือนตุลาคม หากเพดานหนี้ไม่ถูกขยายเพื่อให้สามารถกู้ยืมเงินเพิ่มได้
อย่างไรก็ดี มิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำวุฒิสมาชิกฝ่ายรีพับลิกัน ยังยืนยันอีกครั้งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า พรรครีพับลิกันจะรับรองกฎหมายงบประมาณระยะสั้น แต่จะไม่โหวตรับรองการขยายเพดานหนี้
อ้างอิง: