คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้กำชับให้ สส. ของพรรค โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน เร่งพูดคุยกับพี่น้องชาวนา หลังพบว่ามีเกษตรกรร้องเรียนเข้ามาที่พรรคจำนวนมาก โดยแสดงความกังวลเรื่องราคา ‘ข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้’ ที่กำลังทะลักออกตลาด ราคาจะตกลงเรื่อยๆ ชาวนาจะต้องขาดทุนอีก หากรัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนในมาตรการช่วยเหลือ ตามที่ ชัชวาล แพทยาไทย สส. พรรคไทยสร้างไทย ได้เปิดอภิปรายในสภาแล้ว
โดยเฉพาะโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี เพื่อมอบให้เกษตรกรมีเงินทุนหมุนเวียนระหว่างชะลอการขายข้าว โดยไม่ต้องเร่งขายข้าวเปลือกในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้ราคาข้าวตกต่ำ จะเป็นการช่วยเหลือค่าเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือก 1,500 บาทต่อตัน กรณีที่เกษตรกรเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางของตนเอง ขอเรียกร้องให้รัฐบาลมีมาตรการที่ชัดเจนโดยเร็ว เพราะพี่น้องชาวนาเริ่มเก็บเกี่ยวข้าวแล้วเป็นจำนวนมาก และจะเก็บเกี่ยวเสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ทั้งหมด และต้องขายสู่โรงสี เพราะไม่มีแรงจูงใจและความชัดเจนในมาตรการของรัฐบาล ราคาข้าวจะต่ำลงเรื่อยๆ ณ วันที่ 4 พฤศจิกายน ราคา 10.50 บาทต่อกิโลกรัม อีก 20 วันข้างหน้าราคาอาจต่ำลงถึง 7 หรือ 8 บาทต่อกิโลกรัม
“ต้องทวงถามรัฐบาลว่ามาตรการชะลอการขายข้าว 1,500 บาทต่อตันจะได้เมื่อไร และโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร สำหรับสหกรณ์การเกษตรและกลุ่มเกษตรกรวิสาหกิจชุมชนที่ประกอบธุรกิจรวบรวมข้าวจากเกษตรกร ซึ่งเคยกำหนดวงเงินสินเชื่อเป้าหมายที่ 1 หมื่นล้านบาท จะยังมีอยู่หรือไม่ และจะได้เมื่อไร” คุณหญิงสุดารัตน์กล่าว
คุณหญิงสุดารัตน์ยังกล่าวอีกว่า หากมาตรการของรัฐออกมาล่าช้าจะไม่ทันการณ์ในการช่วยเหลือพี่น้องชาวนา โดยเฉพาะ 2 มาตรการที่ได้กล่าวไป ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือพี่น้องชาวนาอย่างยั่งยืน ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยชาวนาตามยถากรรม ทำให้ชาวนา ‘ยิ่งทำยิ่งเจ๊ง ยิ่งทำยิ่งจน ยิ่งทำยิ่งเป็นหนี้’ เพราะไม่ได้มีมาตรการในการดูแลมาตั้งแต่ต้น
รวมถึงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวหรือค่าเก็บเกี่ยวในอัตราไร่ละ 1,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 ไร่หรือไม่เกิน 20,000 บาทต่อครัวเรือน จะยังได้หรือไม่