×

โฆษกรัฐบาลย้ำ การยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ศบค. จะพิจารณาความเหมาะสม พร้อมประเมินสถานการณ์ ลุ้นผลการประชุม ก.ย. นี้

โดย THE STANDARD TEAM
22.08.2022
  • LOADING...
ประยุทธ์ จันทร์โอชา

วันนี้ (22 สิงหาคม) อนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่มี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2565 ยังไม่ได้มีการพิจารณาการยกเลิกการประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) โดย ศบค. จะประเมินสถานการณ์อีกครั้ง เนื่องจากยังเหลือระยะเวลาการประกาศใช้จนถึงสิ้นเดือนกันยายนนี้  

 

ทั้งนี้ สิ่งสำคัญของการประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้นก็เพื่อควบคุมและป้องกันโรคโควิดที่เกิดขึ้น โดยไม่ได้มุ่งหวังการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อประเด็นอื่นแต่อย่างใด รวมทั้งเพื่อเกิดการบูรณาการการทำงานร่วมกันของทุกหน่วยงานอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพ เพื่อทำให้ประชาชนเกิดความปลอดภัยจากโควิด โดยการดำเนินงานที่ผ่านมาก็ได้รับการยอมรับและชื่นชมจากนานาประเทศ ซึ่งสนใจที่จะมาศึกษาแนวทางการดำเนินงานจากประเทศไทยด้วยซ้ำไป

 

อนุชากล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตาม แม้ไม่ได้มีการหารือเรื่องการยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่ที่ประชุม ศบค. ได้หารือถึงความคืบหน้าในการจัดทำกรอบนโยบาย แนวทางปฏิบัติ และห้วงเวลา ในการดำเนินการเปลี่ยนผ่านสู่ภาวะ Post-Pandemic เพื่อการเฝ้าระวัง ป้องกัน ควบคุมโรคโควิด หรือเป็นแผนการปรับลดระดับสถานการณ์โควิดจากโรคติดต่ออันตรายเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวัง ภายใต้หลักการ ‘เพื่อให้ประชาชนอยู่ร่วมกับโควิดอย่างปลอดภัย สามารถดำเนินชีวิตได้ปกติ’

 

โดย ศบค. ได้พิจารณาทั้งการประเมินสถานการณ์และความเสี่ยง ด้านการป้องกัน ซึ่งภาพรวมประชาชนในประเทศไทยมากกว่าร้อยละ 90 มีภูมิคุ้มกัน ผู้ฉีดวัคซีน 3 เข็มไม่ว่าสูตรใดสามารถป้องกันการป่วยรุนแรงและการเสียชีวิตได้มากกว่าร้อยละ 90 และหลังจากนี้คาดการณ์ว่าโควิดจะมีลักษณะการเกิดโรคในประชากรซึ่งจะคล้ายคลึงกับการระบาดของไข้หวัดใหญ่ ที่จะพบผู้ป่วยได้ตลอดทั้งปี รวมทั้งด้านการรักษาอาการผู้ป่วย ซึ่งส่วนใหญ่แนวโน้มไม่รุนแรง ยกเว้นในกลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อโรครุนแรง และกลุ่ม 608  

 

“ก่อนถึงวันที่ 1 ตุลาคม ศบค. จะประเมินสถานการณ์และความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในช่วงเปลี่ยนผ่านหลังจากการประกาศให้โควิดเป็นโรคระบาดที่ต้องเฝ้าระวัง ว่าจะต้องคงกลไกในการควบคุมและบริหารจัดการอะไรไว้บ้าง ซึ่งต้องมั่นใจว่าจะไม่เกิดวิกฤตและความเสียหายในมิติต่างๆ เกิดขึ้นอีก หรือหากเกิดขึ้นต้องแก้ไขได้ทันท่วงที เน้นมีแผนรองรับที่ดี และวิกฤตความเสียหายต้องไม่เกิดขึ้นอีก ดังนั้นจึงขอให้รอผลการประชุม ศบค. ในเดือนกันยายนที่จะถึงนี้” อนุชากล่าว 

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising
X
Close Advertising