หลังการหารือร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข และตัวแทนภาคประชาชนเกี่ยวกับปัญหาการใช้บุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทย ล่าสุด นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยแนวทางการแก้ปัญหาหลังจากนี้ว่า
กรมสรรพสามิตพร้อมเก็บภาษีบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อให้การนำเข้ามาบริโภคในประเทศไทยเป็นไปอย่างถูกกฎหมาย เนื่องจากบุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นสินค้าที่ทั่วโลกบริโภคอย่างถูกกฎหมาย และที่ผ่านมามีสถานทูตร้องเรียนเข้ามาที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หลังนักท่องเที่ยวถูกจับเพราะนำบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาในประเทศไทย เนื่องจากชาวต่างชาติไม่ทราบว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งผิดกฎหมายในประเทศไทย
“กรมสรรพสามิตพร้อมเก็บภาษีบุหรี่ไฟฟ้าให้เป็นสินค้าที่ถูกต้อง เพราะถือว่าไม่ได้เป็นยาเสพติด แต่ยังติดกฎของกระทรวงพาณิชย์ที่ห้ามนำเข้า และกระทรวงสาธารณสุขก็ไม่อยากให้การบริโภคบุหรี่ไฟฟ้าทำให้เกิดปัญหาทั้งผู้บริโภคในประเทศที่ลักลอบซื้อมาสูบอย่างไม่ถูกต้อง และกระทบกับนักท่องเที่ยวที่มีปัญหาเพิ่มขึ้นทุกวัน” อธิบดีกรมสรรพสามิตกล่าว
ซึ่งแนวทางในการเก็บภาษีบุหรี่ไฟฟ้า ตามหลักการแล้วภาษีของตัวบุหรี่สามารถเก็บได้ในอัตราสูงสุดตามปริมาณมวนละ 1.20 บาท และตามมูลค่าขายปลีก 40% ส่วนตัวเครื่องสูบบุหรี่ไฟฟ้าจะเก็บภาษีได้อยู่ที่ประมาณ 30% ของราคาขายปลีก
ทั้งนี้ปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้ามี 3 ประเภทคือ 1. บุหรี่ไฟฟ้าที่ใช้ยาสูบคล้ายบุหรี่ซิกาแรต เติมน้ำยาไม่ได้ สูบได้จำกัดครั้งแล้วต้องทิ้ง 2. บุหรี่ไฟฟ้าแบบเติมน้ำ มีตัวน้ำยาและเครื่องไฟฟ้าที่ใช้สูบ และ 3. บุหรี่ไฟฟ้าที่ใช้ยาสูบคล้ายบุหรี่ซิกาแรต ใช้นวัตกรรมให้ความร้อน ซึ่งมีตัวมวนยาสูบและเครื่องสูบบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งประเภทที่ 1 และ 3 สามารถจัดเก็บภาษีได้ง่าย เพราะมีความชัดเจนเป็นมวน ส่วนประเภทที่ 2 ที่มีลักษณะเป็นน้ำอาจต้องให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เข้ามาดูส่วนประกอบเพื่อทำการเก็บภาษีให้ถูกต้องต่อไป อีกทั้งยังต้องศึกษาผลกระทบด้านสุขภาพด้วย
หลังปรากฏข่าว นายพชรชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวคิดดังกล่าวว่าขณะนี้บุหรี่ไฟฟ้ายังเป็นสิ่งต้องห้ามตามกฎหมายนำเข้าและส่งออกของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งหลังจากนี้คงขึ้นอยู่กับกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงสาธารณสุขว่าควรจะต้องมีการปรับเปลี่ยนหรือไม่ ส่วนถ้าถามว่ากรมสรรพสามิตมีพิกัดภาษีรองรับไหม ต้องตอบว่ามี แต่ยังเป็นเรื่องที่ภาครัฐต้องหาทางในการบริหารจัดการต่อไป โดยทราบมาว่ากระทรวงพาณิชย์ได้แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาเรื่องนี้ในอนาคต พร้อมยืนยันว่าขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาเท่านั้นเอง
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
